![](https://panchie001.wordpress.com/wp-content/uploads/2022/03/e0b8ade0b89fe0b981e0b8aae0b887e0b88ae0b989e0b8b2e0b89brgbe0b8a2e0b988e0b8ad.png?w=1024)
น้องสาวของข้าเป็นที่รัก
มันเป็นเช่นนั้นเสมอ
นางถอดแบบใบหน้าและนิสัยของท่านแม่มาไม่ผิดเพี้ยน คงจะมีเพียงดวงตากระมังที่เหมือนท่านแม่อีกหนึ่งของข้าและนาง ทั้งรอยยิ้มรวมถึงน้ำเสียงสดใสนั่นทำให้ไม่เคยมีผู้ใดปฏิเสธคำร้องขอของนางได้สักครั้ง กระทั่งประชาราษแห่งหลงเทียนฟางก็ต่างรักนางเฉกเช่นความเคารพเทิดทูนของพวกเขาที่มีต่อท่านแม่
องค์หญิงรอง หลงเฉิงหลิง
รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังค์มังกรต่อจากท่านแม่
ในขณะที่ข้า―หลงอันเฟิ่ง
องค์หญิงใหญ่ในจักพรรดินีหลงอันเหวิน
คงเป็นเพียงภาพสะท้อนของผู้ให้กำเนิดอีกตนจากต่างฝากดินแดน จอมมารผู้ปกครองบัลลังค์ลิเทอรอสแห่งตะวันตก เวพาร์ ซัลลิแวน
จะด้วยสีผมก็ดี หรือแม้กระทั่งดวงตาก็ดี ข้าไม่ได้รับสิ่งใดมาจากท่านแม่อันเหวินเลยยกเว้นเค้าโครงรูปหน้าและเขามังกรบนศีรษะ และข้าคิดว่านั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านแม่เอ็นดูข้าไม่น้อยไปกว่าน้องสาวฝาแฝด แม้ในยามนั้นท่านแม่จะดูโรยแรงลงจนน่าใจหายเหลือเกินก็ตาม
ท่านแม่รักเวพาร์จนสามารถยกนางขึ้นเคียงกับหลงเทียนฟางของท่านได้ทีเดียว
ในส่วนนี้ข้าเพียงแค่อยากเอ่ยถึง—ข้ายกย่องความมั่นคงของท่านแม่เสมอ ท่านมีเพียงรักเดียวในชีวิตนี้ ถึงจะผ่านการแต่งงานทางการเมืองและมีบุตรมาก่อน ทว่าท่านหาได้รักใคร่คู่แต่งงานผู้นั้นไม่ จนกระทั่งชีวินอันยืนยาวในฐานะจอมมารพาท่านมาพบกับราชาทรราชย์จากลิเทอรอส
ช่วงเวลานั้นแค่งานในการปกครองหลงเทียนฟางก็เยอะพอควรแล้วสำหรับสุขภาพของท่านแม่ ท่านจึงได้มอบหมายให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายคอยเป็นหูเป็นตาในการดูแลข้าและเฉิงหลิงแทน
ข้ารู้จักนาง―คงต้องพูดว่าข้าจำนางได้ขึ้นใจมากกว่า
หงลู่ซือ
นางเป็นธิดาของผู้ซึ่งทรยศต่อตำหนักมังกรของท่านแม่ หากแต่ หง นั้นเป็นแซ่ใหม่ของนาง ท่านแม่เปลี่ยนแซ่เพื่อล้างมลทินให้แก่ลู่ซือผู้นี้ก่อนขึ้นรับตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้าย ตัวข้าเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าแซ่เก่าของนางนั้นคืออะไร คงรอวันที่ท่านแม่จะบอกข้าเอง หรือไม่…ท่านก็คงบอกเฉิงหลิงที่เป็นคนสืบทอดบัลลังค์ของหลงเทียนฟาง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เป็นระยะเวลาไม่น้อยเลยที่ลู่ซือเจียดเวลาทำงานมาใช้ในการดูแลข้าและน้องสาว จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นางพร่ำสอนระบบการปกครองของตะวันออกในส่วนยิบย่อยที่ท่านแม่ไม่สามารถถ่ายทอดมันลงมาได้เนื่องด้วยสภาพร่างกายจักพรรดินีมังกรเริ่มทรุดลงแล้ว เดิมทีพวกข้าไม่ได้อยู่แค่ตะวันออก หากแต่สลับไปมาระหว่างตะวันตกด้วยเช่นกัน เพื่อใช้เวลาอยู่กับมารดาอีกหนึ่งของเรา
ข้าอยู่ที่ตะวันออกต่อได้อีกไม่นานก็ต้องเดินทางไปยังตะวันตกที่เวพาร์ปกครอง โดยครั้งนี้จำต้องทิ้งเฉิงหลิงเอาไว้เพื่อสานต่อบทเรียนจากลู่ซือในฐานะจักพรรดินีมังกรตนต่อไป สถานที่ที่ข้าจำเป็นต้องอยู่หาใช่หลงเทียนฟาง
หากทว่าเป็นลิเทอรอส
ข้าเองก็ไม่ทราบว่าท่านแม่ทั้งสองใช้อะไรตัดสินว่าข้าควรปกครองที่ใด แล้วเฉิงหลิงควรปกครองที่ใด จากที่ข้าได้ยินพวกมังกรเฒ่าจากสกุลต่างๆพูดคุยภายในโถงที่ประทับของท่านแม่มานั้น แดนตะวันตกสืบทอดบัลลังค์กันด้วยพลัง ใครแข็งแกร่งที่สุดก็ได้หัวโขนกษัตริย์ผู้สูงศักดิ์และภาระอันหนักอึ้งไป อาจเกี่ยวเนื่องด้วยข้าเป็นบุตรีคนโต รวมถึงเป็นลูกผสมจากจอมมารทั้งสอง พลังที่ครอบครองหาใช่เป็นรองใคร
ภาระหน้าที่ในดินแดนตะวันตกคงหนักหนาเกินกว่าจะให้น้องสาวของข้ามาปกครอง ท่านแม่รู้ดีว่านางมีนิสัยอย่างไร และด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นแล้ว…คงไม่เหมาะที่จะปกครองลิเทอรอส ทว่านางจะเป็นแรงสนับสนุนที่ดีของข้าในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประจิมและบูรพา
ผู้ปกครองดินแดนทั้งสองที่เป็นฝาแฝด ความสัมพันธ์ของบ้านเมืองย่อมดีขึ้นตาม เท่ากับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
แต่นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของหลงอันเฟิ่งผู้นี้เท่านั้น
กินเวลาไปอีกหลายปีที่ข้าอาศัยอยู่ที่ลิเทอรอสกับเวพาร์ รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ ปฏิบัติในสิ่งที่ควรปฏิบัติ เพื่อในสมกับฐานะว่าที่จอมมารรุ่นที่ 14 แห่งประจิมนคร เวลาว่างสุดน้อยนิดของข้าหมดไปกับการอ่านตำราที่หน้าหนังสือเยอะยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าของท่านแม่อันเหวินเสียอีก
ชั่วขณะที่ข้าเผลอเหม่อลอยจากหน้าหนังสือเกี่ยวกับการทำการค้าระหว่างอาณาจักรนั่นเอง―มีความคิดหนึ่งตกตะกอนลงภายในจิตใจของข้า
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ใบหน้าของผู้ที่อยู่ฝั่งบูรพาซึ่งข้านึกถึงไม่ได้มีเพียงท่านแม่หรือเฉิงหลิง
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่มังกรตนนั้นขยับแนบเบียดพื้นที่ในหัวใจของข้า
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ข้ารู้สึกสนใจหงลู่ซือ
ข้าคิดเพียงแค่มันคงเป็นความคิดชั่ววูบกระมัง สำหรับตัวข้าแล้วความรักนั้นแทบไม่ใช่สิ่งจำเป็นอันใดในการดำรงชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะในฐานะองค์หญิงใหญ่แห่งหลงเทียนฟาง หรือในฐานะหลงอันเฟิ่งก็ตาม
และตะกอนความคิดที่กล่าวถึงก็ไม่ถูกกวนขึ้นมาอีก จนกระทั่งข้ากลับไปยังตะวันออกเพื่อเยี่ยมไข้ท่านแม่ และพบเข้าอีกหนึ่งความจริงที่ทำเอาหัวใจของข้าหล่นวูบตกไปยังตาตุ่ม
เฉิงหลิงเองก็เช่นกัน
นางหลงรักหงลู่ซืออย่างไม่ต้องสงสัย
คงไม่มีสิ่งใดเจ็บปวดไปกว่าการชมชอบหญิงสาวคนเดียวกันกับน้องสาวแท้ๆของตัวเองแล้วกระมัง ข้าขบฟันคิดอยู่นาน ใจหนึ่งก็อยากจะครอบครองลู่ซื่อผู้นี้ไว้เพียงแค่คนเดียว ทว่าอีกใจข้ารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทนต่อหยาดน้ำตาของน้องสาวได้เป็นแน่ สุดท้ายแล้วข้าก็หลีกทางให้นางได้เป็นผู้สานสัมพันธ์กับเสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งตำหนักมังกร
หากครั้งนี้ข้ารู้ซึ้งแล้ว―ท่านแม่ยามถูกเวพาร์เมินเฉยเจ็บปวดเพียงใด
ข้าเคยคิดว่าความรู้สึกนี้จะไม่สลักลึกและจางหายไปตามกาลเวลา ทว่ายิ่งข้าได้เห็นใบหน้าประดับรอยยิ้ม ยิ่งข้าได้สดับฟังคำพูดหวานหูที่นางพูดกับน้องสาวของข้า เวลานั้นคล้ายมีบางสิ่่งผูกรัดดวงใจของข้าเอาไว้ กระตุกปมไม่กี่ครั้งก็ทลายกำแพงที่ข้าเคยมีให้แตกกระจายออกมาอย่างง่ายดาย
ทว่าน้ำตานั้น สำหรับข้าแล้ว..มันสมควรถูกซ่อนเร้นเอาไว้ ต่อหน้าผู้อื่นข้ายังคงเป็นองค์หญิงใหญ่ผู้ไม่สนใจสิ่งใดไปกว่าการเล่นสนุกกับน้องสาว นำพาเสียงหัวเราะให้แก่ใครหลายๆคน แม้คนอื่นจะไม่สังเกตเห็นแววตาที่หม่นลงของข้า หากท่านแม่ทราบถึงมันเป็นอย่างดี
ท่านมีประสงค์เรียกข้าไปพบ คราแรกข้าคิดว่าคงถึงเวลากลับไปยังตะวันตกแล้วงั้นหรือ ข้าเพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงปีดีเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อฝ่ามือของท่านแม่ถูกวางลงบนเรือนผมของข้าพร้อมคำเอ่ยคล้ายเสียงกระซิบ ข้าก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป
‘เหนื่อยมากหรือไม่ ลูกมังกรน้อยของแม่’
‘อยู่กับแม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องปิดกั้นอารมณ์ใดๆ เฟิ่งเอ๋อร์’
ในวันที่ข้าแตกสลาย ยังคงมีอ้อมกอดของท่านแม่คอยประคับประคอง ประกอบชิ้นส่วนของหลงอันเฟิ่งกลับขึ้นมาใหม่ดั่งเช่นวันวาน
หากแต่ข้าไม่รู้—ไม่รู้เลยว่าอ้อมกอดนี้จะอยู่กับข้านานเท่ากี่เหมันตฤดู
การเข้าเฝ้าท่านแม่อันเหวินเป็นหนึ่งในสองสิ่งที่ทำให้ข้าสามารถลืมเรื่องของหงลู่ซือไปได้บ้าง อีกหนึ่งคือการอ่านหนังสือในหอตำราของท่านแม่ ข้าพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับท่าน บางครั้งท่านก็เล่าเรื่องราวครั้งเก่าให้ฟัง ว่าในชีวิตอันยืนยาวล่วงเกินกว่าหลายพันปีของการเป็นมารดาแห่งหมู่มวลมังกรนั้นประสบพบเจอสิ่งใดมาบ้าง และบางครั้งข้าก็ต้องเร้นกายออกจากห้องนอนของท่านแม่ในยามที่เวพาร์ต้องการยึดครองอ้อมกอดของท่านไว้เพียงผู้เดียว
ตอนนี้เองที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับข้า
เฉิงหลิงเข้ามาจับจูงมือ พาข้าไปเดินเล่นยังศาลากลางน้ำใกล้กับตำหนักของท่านป้าอันเหยียน ในหัวของข้ามิมีความคิดอะไร ช่างแสนว่างเปล่า รู้สึกแค่นางอาจจะคิดถึงข้า หรืออยากไปเที่ยวเล่นด้วยกันเหมือนสมัยที่ข้ายังไม่ต้องย้ายไปลิเทอรอส
หลังทั้งข้าและนางนั่งลงบนศาลาแล้วเฉิงหลิงก็ชวนข้าคุยเรื่อยเปื่อย เบาสมอง ข้าเองก็เออออไปกับนาง ปล่อยตัวล่องลอยคล้ายไม่ต้องแบกรับหน้าที่ทายาทผู้สืบทอดบัลลังค์ประจิมและบูรพา เป็นแค่ลูกมังกรอันเฟิ่งกับเฉิงหลิงของท่านแม่ทั้งสองก็เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ข้าหลุดจากภวังค์คือคำพูดของนางซึ่งกล่าวต่อจากการพูดคุยอันหาสาระไม่ได้ของเราพี่น้อง
ลู่ซือเองก็ชอบข้า
จะเป็นไปได้อย่างไร? จริงอยู่ที่การมีภรรยาหรือสามีเกินกว่าหนึ่งจะเป็นเรื่องปกติในตะวันออก แต่คนรักที่เป็นพี่น้องกัน…หรือในกรณีของข้าคือฝาแฝดนั้นมันไม่แปลกไปหน่อยหรือ ถึงข้าจะหน้าตาเหมือนเฉิงหลิงแต่นิสัยของเราก็มิได้ราวกับถอดพิมพ์เดียวกันมาเหมือนหน้าตาเสียหน่อย
แล้วเจ้าไม่เสียใจหรือ
ข้าจำได้ว่าถามนางกลับไปเช่นนั้น พินิจดูสักหน่อยก็จะรู้ได้ไม่ยากว่าน้องสาวของข้าไม่ชอบการใช้คนรักร่วมกับผู้อื่น แน่นอนว่าข้าเองก็เช่นกัน
คำตอบที่ได้มีแค่รอยยิ้มบาง นัยน์ตาสีทับทิมสะท้อนภาพข้า เช่นเดียวกับที่ดวงตาของข้าสะท้อนภาพนาง เราต่างเป็นเงาของกันและกันที่คนละฝากของกระจก หากแต่เงานั้นถูกทลายลงเมื่อเฉิงหลิงส่ายหน้าไปมา นางไม่เสียใจ
ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด
เฉิงหลิงทิ้งความฉงนไว้ให้ข้าได้แต่วนเวียนคิดถึงมัน คอยหลบหน้าเสนาบดีฝ่ายซ้ายซึ่งน้องสาวกล่าวว่านางมีใจให้ข้า และในยามที่ข้าตกตะกอนความคิดเรียบร้อยแล้ว…กลับเป็นช่วงเวลาที่ข้าไม่อยากให้มาถึงที่สุด
ท่านแม่กำลังจะจากไป
ข้าพร้อมเฉิงหลิงรีบรุดไปยังห้องนอนของท่านแม่ ความจริงแล้วน่าจะมีท่านป้าอยู่ด้วย ถ้าข้าไม่วิ่งสวนทางกับนางที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนของท่านแม่อันเหวินเสียก่อนก็คงไม่รู้ว่านางคงพูดคุยกับท่านแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เวพาร์อยู่ข้างในก่อนแล้ว มือของราชาแห่งลิเทอรอสกุมอุ้งมือของท่านแม่เอาไว้ น่าแปลกเหลือเกิน นางยังดูสงบนิ่ง สีหน้าเรียบขึงมิแสดงอารมณ์ใด
ข้าได้รับอ้อมกอดสุดท้ายจากท่านแม่ในวันนี้
‘หลงเทียนฟางของแม่ คงต้องฝากเจ้าแล้ว หลิงเอ๋อร์’ ข้าได้ยินท่านพูดกับเฉิงหลิง ซึ่งก็ไม่ผิดนัก นางเป็นคนที่จะรับช่วงต่อ นั่งบนบัลลังค์ในฐานะราชินีมังกรรุ่นต่อไป
ข้าลูบหลังน้องสาวที่ท่านแม่กำลังใช้ปลายนิ้วอ่อนแรงปาดเกลี่ยหยดน้ำตาให้กับนาง ก่อนเสียงของท่านแม่จะเรียกความสนใจข้าไปที่ท่าน
‘และสำหรับเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฟิ่งเอ๋อร์…’
‘…แม่อยู่กับเจ้าเสมอ’
จมูกข้ารู้สึกแสบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ข้าพยักหน้ารับคำของท่านแม่ ก้มลงรับริมฝีปากสีซีดที่กดลงยังหน้าผากของพวกเราคนละทีแทนความรักของท่านที่มีต่อลูกสาวทั้งสอง ท่านได้มอบมันให้พวกข้าแล้ว ไร้ซึ่งห่วงใดอีก
ข้าพาเฉิงหลิงออกไปรอด้านนอกเพื่อให้คนรักได้ร่ำลากัน ข้าสัญญากับตัวเองว่าจะกลับไปร้องไห้ที่ห้องนอนเสียให้พอในครั้งเดียว ดีกว่าร้องๆหยุดๆจนเหนื่อยล้า
กระทั่งมีเสียงเรียกพวกข้าให้เข้าไปด้านในอีกครั้ง ถึงเวลาของท่านแม่แล้ว
ทั้งชีวิตข้าเคยเห็นการดับสูญมาบ้าง หากแต่ไม่ใช่คนใกล้ชิดหรือสมาชิกในครอบครัว ข้ายืนอยู่ข้างเตียงของท่านแม่ มือขยับเกาะเกี่ยวกับมือเฉิงหลิงแน่น นาฬิกาที่ถูกขยับพลิกเริ่มนับถอยหลังเมื่อลมหายใจของราชินีแห่งบูรพานครกำลังค่อยๆแผ่ว จังหวะชีพจรช้าลง
…กระทั่งทรายเม็ดสุดท้ายร่วงหล่น
ข้าทอดมองร่างซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่าจอมมารแห่งตะวันออก จักพรรดินีมังกรผู้นำพาหลงเทียนฟางสู่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์
ชีวิตจอมมารคงอยู่ด้วยคำอวยพรนานับประการจากธรรมชาติ เมื่อดับสังขารแล้วจึงจำต้องย้อนคืนสู่ต้นกำเนิด ท่านแม่อันเหวินเองก็เช่นกัน ร่างของนางค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสง กระจัดกระจายและลอยหายไปในอากาศ
จักพรรดินีมังกรจากไป ไม่เหลือกระทั่งละอองธุลีใดให้พวกข้าได้ดูดั่งของต่างหน้า มีเพียงอัญมณีรูปหยดน้ำซึ่งถูกมัดเกี่ยวเอาไว้กับปิ่นปักผมแสนธรรมดาของท่านที่ไม่ได้สลายหายไปด้วย
ท่านแม่ถอดมันออกมาให้เวพาร์ก่อนท่านจะจากไป…ตลอดกาล
และนี่—เป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าที่เรียกเวพาร์ว่า ‘ท่านแม่’
ไม่ใช่ว่าข้าและเฉิงหลิงไม่เคยเคารพรักนางในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิด ทว่านั่นเป็นคำเรียกติดปากในตอนยังเล็กของพวกข้าที่เรียกชื่อท่านแม่อีกตนตามท่านแม่อันเหวิน เพื่อกันไม่ให้มีการสับสนเกิดขึ้น เราทั้งสองจึงไม่เคยคิดเปลี่ยนคำเรียกเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น
หากยามนี้ไร้ซึ่งเงาของราชินีมังกรแล้ว คำว่าท่านแม่จึงถูกหยิบยกให้แด่ท่านผู้เป็นใหญ่แห่งแดนตะวันตกแต่เพียงผู้เดียว
เนื้อความข่าวสารที่ว่าสิ้นจักพรรดินีหลงอันเหวินแล้วถูกประกาศออกไปทันที หลงเทียนฟางตกอยู่ในความโศกศัลย์ ผ้าขาวถูกแขวนทั่วอานาจักรตะวันออก ไว้อาลัยให้แด่มารดาผู้วายชนม์ของพวกเขา
ข้ายังคงจำภาพในวันนั้นได้มิมีเลือน บ้านของข้าที่เคยคึกครื้นกลับเงียบสงบ อานาจักรที่เคยมีสีสันแต่งแต้มกลับหม่นหมอง กวาดสายตาไปทางไหนคงจะเห็นแต่ผ้าขาว และวันนั้นก็เป็นวันที่ข้าระลึกได้ ว่าสตรีนามหลงอันเหวินผู้นี้ยิ่งใหญ่เพียงใด
ข้ากับเฉิงหลิงแยกย้ายกันกลับห้องของตน ในเวลาแบบนี้ไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ต่างต้องการเวลาส่วนตัวกันทั้งนั้น ก่อนจากกันข้ายังเห็นหัวตาของนางแดงเรื่อ คาดว่ากลับห้องไปแล้วน้ำตาได้ไหลออกมาไม่หยุดเป็นแน่
ระหว่างทางข้าเดินสวนกับท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย—หงลู่ซือ ซึ่งดูรีบร้อนจนเกือบชนข้าทีเดียว
เห็นดังนั้นขาของข้าตัดสินใจวกก้าวตามลู่ซือไปห่างๆ ทิศทางการก้าวเท้าของนางคือห้องนอนของเฉิงหลิง
โอ— นี่สินะที่เรียกว่าการเรียงลำดับความสำคัญ ข้าเข้าใจถ่องแท้แล้ว ข้ามีลำดับต่ำกว่าน้องสาวของตัวเองอยู่มากโข ไม่อาจเทียบกันได้เลย
ประตูมิได้ถูกปิดสนิท ข้าก้าวขาเงียบเชียบ ระวังไม่ให้มังกรคู่รักทั้งสองในห้องรู้ตัว และมองลอดผ่านเข้าไปเพื่อพบเจอว่าลู่ซือกำลังปลอบขวัญน้องสาวฝาแฝดของข้าด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจ…รวมถึงรักใคร่
เสียใจหรือ เฉิงหลิง?
ข้าเองก็เช่นกัน
แต่เจ้ายังมีนาง
แล้วข้าล่ะ…มีใคร?
ไร้อ้อมกอดของท่านแม่ที่เคยปลอบประโลม
ไร้เงาลู่ซือผู้นั้นที่บอกว่ารักข้าเช่นเดียวกับที่รักเจ้า
ข้าไม่มีใครเลย
ข้าไม่กล้าแม้แต่จะไปรบกวนท่านป้า ด้วยรู้ว่าสภาพจิตใจของนางเองก็คงไม่ได้ต่างจากพวกเราเท่าใดนัก ข้าและเฉิงหลิงรักท่านแม่อันเหวินเพียงไหน ท่านป้าคงรักท่านยิ่งกว่านั้นมาก แม้ในพักหลังนางจะไม่ใคร่สนทนากับท่านแม่ต่อหน้าใครอื่น หากแต่ข้ารู้ดี ท่านป้าอันเหยียนไม่เคยรักน้องสาวของตัวเองน้อยลงเลยสักเพียงนิดเดียว
หรือจะเป็นท่านแม่ในตอนนี้ ท่านก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ ประคับประครองอาณาจักรทั้งสองไปพร้อมกัน หารือกับพวกผู้เฒ่า ไหนเลยข้าจะกล้ารบกวน
ข้าแสนชิงชังสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตานัก
เท้าของข้าขยับเดินวนกลับห้องนอน น้ำตาถูกปล่อยให้ไหลอาบแก้มในขณะที่ข้าใกล้จะถึงห้องนอนเต็มที ผสมปนเปทั้งความเศร้าและน้อยใจ
หลังผ่านช่วงเวลาไว้ทุกข์ให้ท่านแม่ ข้าก็ยอมรับเป็นคนรักของลู่ซืออยู่ดี แน่นอนว่าข้ารักนาง หากแต่ไม่ได้หวังว่านางจะมาดูแลข้าเหมือนที่ดูแลเฉิงหลิงอยู่แล้ว ข้าสามารถดูแลตัวเองได้แม้ไม่มีคนรักข้างกาย แค่นางมอบลูกสาวผู้เป็นดั่งดวงใจให้ข้า เท่านั้นก็มากเกินพอ
ก่อนข้าจะมีลูกมังกรตัวน้อยไม่นาน ท่านแม่เวพาร์เกษียณตัวเองลงจากตำแหน่ง ประจวบเหมาะกับที่ท่านป้าอันเหยียนวางใจจะส่งมอบราชบัลลังค์ให้เฉิงหลิงแล้ว พวกเราจึงได้ขึ้นนั่งปกครองประจิมและบูรพาในช่วงเวลาเดียวกัน
ข้าเพิ่งสังเกตว่าในพักหลังมานี้มิได้เห็นเงาของลู่ซือมาเยือนตะวันตกนานแล้ว ส่งสารไปถามเฉิงหลิง นางเองก็บอกว่าไม่เห็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ตะวันออกเช่นกัน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ข้ากับน้องสาวจนปัญญาจะตามหาเหลือเกิน ถึงได้ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอีกหลายร้อยปี ภาพใบหน้าหงลู่ซือผู้นั้นจึงเริ่มเลือนลางในความทรงจำ
และ ณ ลิเทอรอสนี่เอง ที่ข้าได้พบ แอรีส ไอราเวล
หาใช่เพิ่งพบเมื่อขึ้นเป็นราชาไม่ ข้าพบเจอนางมาบ้างในตอนที่อาศัยอยู่กับท่านแม่เวพาร์เพื่อเรียนรู้ศาสตร์การปกครองตะวันตก เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตอนนี้นางทำหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ใต้บังคับบัญชาของข้า
.
.
.
.
.
ข้าสะดุ้งหลุดจากห้วงคนึงเพราะเสียงกระแอมไอ รู้สึกคับคล้ายคับคลาว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดกับข้ามาก่อน…ตอนที่ข้ายังเป็นแค่องค์หญิงใหญ่หลงอันเฟิ่ง อาการเหม่อลอยจากหน้าตำราเล่มหนา ล่องลอยไปหาใครอีกคน
ข้ากำลังหลงรักแอรีสหรือ?
ข้าเสสายตาไปมองยังแม่ทัพมังกรเจ้าของเรือนผมสีสว่างพลางถอนหายใจ
น้องสาวของข้าเป็นที่รัก
หากทว่าในครั้งนี้ ขอให้ผู้เป็นที่รักนั้น…
―คือข้าได้หรือไม่?