03 : My lips taste like capuchino
“ชิโฮะ…”
พอเสียงอ่อนแรงของเขาถูกเปล่งออกมาจากทำคอพร้อมสัมผัสอ่อนโยนที่คุ้นชินทำให้ชิโฮะรีบช้อนตาขึ้นมอง สบตากับอีกฝ่ายเพียงชั่วขณะก่อนที่หลอนจะหลบสายตาด้วยการมองไปทางอื่น เป็นเพียงชั่วครู่ที่เหมือนความรู้สึกจะชัดเจนขึ้นมามากกว่าปกติ
แต่หล่อนก็ยังไม่มั่นใจกับมันมากนักเท่าไหร่
มือเรียวยกขึ้นจับมือของอีกฝ่ายออกจากศีรษะของตัวเอง นิ้วของซาซากิไล้ผ่านเรือนผมสีช็อคโกแลตไปจนถึงมือนิ่มของชิโฮะ เธอมองมือของตัวเองและอีกคนที่สัมผัสกันอยู่ กำลังคิดตัดสินใจว่าจะทำตามใจตัวเองดีมั้ย หรือจะปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไปอีก แต่คงไม่มีการบุกบ้านครั้งต่อไปอีกแล้วถ้าหากปล่อยโอกาสนี้ไป แต่ก่อนที่คุมิจะได้พูดอะไรก็เป็นชิโฮะที่ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ข..เข้าไปนั่งข้างในก่อนมั้ย?..”
.
.
.
.
.
กึก
เสียงแก้วน้ำกระทบกับพื้นโต๊ะตรงหน้าหญิงสาวเจ้าของบ้านนี่เอง หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่หันหน้าเข้าทีวี เพราะบ้านนี้หล่อนอยู่คนเดียว นานๆทีพ่อกับแม่จะมาหาเลยมีโซฟายาวเพียงตัวเดียว ทำให้คุมิต้องมานั่งข้างๆ ต่างคนต่างเงียบโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ลอบมองกันเป็นระยะ ไม่มีคำพูดใดเล็ดรอดออกมา
“ถ้าไม่รีบดื่มมันจะเย็นก่อนนะ” ซาซากิว่าพลางยกแก้วชาขึ้นจิบ หล่อนเป็นคนอาสาไปชงมาให้เองถึงในตอนแรกเจ้าบ้านจะปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่เพราะชาที่คุมิชงมีรสถูกปากกว่าเจ้าตัวถึงได้ยอมมานั่งรออยู่ที่โซฟา
อย่างกับลูกแมวหงอยๆเลย
คุมิคิด ตาก็เหลือบมองอีกฝ่ายที่ยกแก้วชาขึ้นมาจิบบ้างแล้ว หล่อนเบะปากน้อยๆเพราะชาที่ยังร้อนอยู่ก่อนที่จะวางแก้วลงบนโต๊ะเหมือนเดิม ท่าทางเมื่อกี้เห็นแล้วคุมิก็อยากจะกระโดดฟัดจริงๆ ถ้าอยู่ที่ร้านไม่มีทางได้เห็นอะไรแบบนี้แน่ๆเพราะชิโฮะสั่งแต่คาปูชิโน่เย็น เห็นเคยพูดว่ามันสดชื่นช่วนให้ตาสว่างทำโอทีต่อได้
“แล้ว..คุมิมาถึงบ้านเลย มีอะไรรึเปล่า?..” หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าถาม ยังคงก้มใบหน้างุดๆมองถ้วยน้ำชาที่ยังคงมีไอร้อนลอยออกมา ตอนนี้หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าพอหลบหน้าไปนานๆแล้วจะโดนบุกมาถึงบ้านแบบนี้ ปกติคุมิไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา…
“ก็….” พูดได้แค่นั้นแล้วก็เงียบไปเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดใหม่อยู่ “เห็นชิโฮะไม่ค่อยไปที่ร้านเลยเป็นห่วงน่ะว่าเป็นอะไรรึเปล่า..”
คาโต้ชะงักไปก่อนที่จะหันกลับไปมองซาซากิ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วงถึงขั้นมาหาที่บ้านได้ อย่างมากก็คงแค่โทรมา แต่นี่ไม่โทรไม่ส่งข้อความมาก่อนล่วงหน้า แต่กลับดิ่งมาหาเลย
เธอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะ..
“ฮื่อ..เปล่าหรอก แค่ช่วงนี้งานมันเยอะๆน่ะเลยลงไปซื้อเองไม่ค่อยได้..”
“กลับบ้านด้วยกันก็ไม่ได้หรอ?”
พอโดนสวนกลับมาด้วยประโยคนี้ชิโฮะก็แทบสะอึก ใช่ หลังจากเริ่มหลบหน้าคุมิทั้งสองคนก็ไม่ได้กลับบ้านด้วยกันอีกเลย ชิโฮะมักจะกลับก่อนเสมอ คุมิเองก็มักจะเห็นหญิงสาวเดินผ่านหน้าร้านไปตลอด หล่อนไม่แม้แต่จะหันมายิ้มให้เหมือนอย่างที่ทำเป็นปกติ รีบร้อนก้าวออกไปก่อนที่หญิงสาวเจ้าของร้านกาแฟจะร้องทักด้วยซ้ำ
“…” ชิโฮะพูดไม่ออก ตอนนี้ก็นั่งเงียบจนรู้สึกถึงสัมผัสที่โอบรอบตัวเอง ดึงรั้งให้ขยับกายไปชิดเจ้าของอ้อมกอดนั้น เงยหน้าขึ้นไปก็ต้องผงะออกเพราะใบหน้าที่ใกล้กันเกินไป ขยับไปเอาหัวพิงไหล่เขาเอาไว้แทน บรรยากาศน่าอึดอัดเริ่มหายไปทีละน้อยหลังออฟฟิศเลดี้คนเก่งยอมรับอ้อมกอดจากคุณเจ้าของร้านกาแฟ
“ฉันก็แค่เป็นห่วง…ช่วงนี้เธอทำตัวแปลกๆเหมือนหนีหน้าฉันนี่นา..”
คุมิว่าพลางก้มลงฝังจมูกลงกับเรือนผมสีช็อคโกแลตตรงหน้า กลิ่นแชมพูที่หอมติดจมูกของชิโฮะ เธอจำมันได้ดีเพราะมักจะได้กลิ่นแชมพูนี่ตอนที่ชิโฮะเข้ามาใกล้ๆตัว เป็นกลิ่นที่ตัวเธอเองชอบมากๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“..เปล่านะ ไม่ได้หนีซักหน่อย..” ประโยคหลังหล่อนผ่อนเสียงลงราวกับไม่แน่ใจในคำพูดของตัวเอง อยากยกแขนขึ้นไปกอดตอบ แต่ก็แข็งใจเอาไว้ ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าเขากอดเพราะความรู้สึกยังไง เพื่อน? คนที่ชอบ? คนสนิท?
“แล้วทำไมไม่ยอมกลับบ้านด้วยกัน?”
“ก็…”
หล่อนจนคำพูดอีกครั้ง เป็นเหตุให้คุมิคลายกอดออก ตอนแรกชิโฮะก็แอบเสียดาย หล่อนยังอยากอยู่ในอ้อมกอดนั่นให้นานกว่านี้ แต่แล้วสองมือของคุมิก็จับไหล่หญิงสาวอีกคนให้หันมามองหน้ากันตรงๆ ตาสบตา อยู่ๆใบหน้าของคาโต้ก็ร้อนวูบก่อนหลบสายตาไปมองทางอื่นอย่างเช่นเคย
“อย่าหลบตาสิชิโฮะ”
มือเรียวเชยคางคนที่เพิ่งหลบตาให้เงยหน้าขึ้นมา คนตัวสูงกว่าเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ มีช่องให้แสงลอดผ่านได้เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะไม่เหลือช่องว่างใดๆอีกเลย คุมิทาบทับริมฝีปากลงไป คราวนี้ไม่มีแผ่นกระดาษมากั้นเอาไว้อีกแล้ว หล่อนอยากจะพิสูจน์คำถามที่ชิโฮะเคยถามเอาไว้ว่า ‘จูบแรกของคนเราเป็นกลิ่นเลม่อนงั้นหรอ?’
ยังไงชิโฮะก็อายุน้อยกว่าคุมิอยู่ดี ประสบการณ์อะไรแบบนี้ก็คงจะน้อยตามอายุไปด้วย หล่อนเลยนั่งนิ่ง ไม่กล้าจูบตอบทำให้ซาซากิเป็นฝ่ายเริ่มนำด้วยการบดเบียดริมฝีปากลงไปเบาๆจนอีกฝ่ายเริ่มตั้งหลักได้และจูบตอบกลับมา เป็นสัมผัสที่ไม่ได้มีความเร่าร้อนอะไร เป็นเพียงจูบที่ใช้ยืนยันความรู้สึกของคนเริ่มเท่านั้นว่าคิดยังไงกับหญิงสาวอีกคน
“คิดมากเรื่องจูบวันนั้นเลยหลบหน้าใช่มั้ย?” ซาซากิถามหลังจากทั้งสองผละจูบออก นิ้วเรียวเกลี่ยเอาปอยผมออกจากแก้มของอีกฝ่าย แขนอีกข้างโอบกอดรอบตัวหญิงสาวเอาไว้ กลัวหล่อนจะหนีไปแบบคราวที่แล้วอีก
“อ..อื้อ..ที่จริงก็ใช่..” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงแผ่ว ซุกๆมุดๆหน้ากับซอกคอคนตัวสูง เอื้อมมือไปกอดกลับหลวมๆเหมือนไม่ค่อยกล้าที่จะกอดตอบเท่าไหร่ ถึงเขาจะจูบเป็นการยืนยันแล้ว แต่ก็อยากได้ยินคำยืนยันออกมาจากปากของเขาชัดๆมากกว่าใช้การกระทำแบบนี้ “แล้ว..ที่จูบเมื่อกี้..”
“..รัก”
“?”
“จูบเพราะฉันรักชิโฮะไง..”
จากที่ซุกเขาอยู่ก็แทบจะมุดหายไปเสียตอนนี้ ใบหน้าของคาโต้ร้อนผะผ่าว มือกำชายเสื้อของเขาแน่น ปากเม้มเข้าหากัน หล่อนพูดอะไรไม่ออกพอเขาพูดออกมาตรงๆแบบนี้ เลยได้แต่นิ่งเงียบในอ้อมกอดของคนอายุมากกว่าอยู่แบบนั้น
“จูบเมื่อกี้…เป็นกลิ่นอะไรหรอ?” คุมิก้มลงถามที่ข้างหูอีกฝ่ายที่ซุกหน้างุดพยายามหลบซ่อนใบหน้าที่แดงระเรื่อเอาไว้ไม่ให้ตัวเองเห็น เธอมองอย่างเอ็นดู ไม่ว่าเวลาไหนชิโฮะก็เป็นคนเดียวจริงๆที่คุมิชอบมอง จะอยู่ในอากัปกิริยาไหนก็น่ารักน่าเอ็นดูในสายตาคุมิทั้งนั้น
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หญิงสาวเจ้าของดวงตาสีช็อคโกแลตเหมือนเรือนผมของตัวเองก็ผละตัวออกมาเล็กน้อยให้พอเห็นหน้าอีกฝ่าย หล่อนเผยอปากขึ้นเล็กน้อย พยายามคิดว่ากลิ่นมันเหมือนอะไร
คงจะเป็นกลิ่นเลม่อนอย่างที่เขาว่า
“เลม่อน..ล่ะมั้ง?”
“ทีนี้ได้คำตอบของคำถามที่เคยถามไว้รึยัง?”
ชิโฮะชะงักไปก่อนจะพยักหน้าเบาๆ จากที่เคยกอดเขาเอาไว้หลวมๆ หล่อนขยับแขนขึ้นมาโอบรอบคออีกฝ่ายแล้วดึงลงมาทาบทับจูบอีกรอบ เธอชอบสัมผัสของเขา มันไม่ได้วาบหวามอย่างที่เคยคิดแต่กลับอบอุ่น ทุกครั้งที่ถูกสัมผัสเหมือนถูกสะกดให้มองแต่เขาเพียงแค่คนเดียว
จูบครั้งแรกที่เป็นกลิ่นเลม่อน
จูบครั้งที่สองที่เป็นกลิ่นกาแฟ
ครั้งนี้เนิ่นนานกว่าครั้งที่แล้ว จูบดำเนินไปอย่างเรียบง่าย กลิ่นของกาแฟที่ติดตัวคุมิลอยมาแตะจมูกทำให้หล่อนเผลอเผยอปากขึ้นเป็นช่องว่างให้ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายเข้ามาฉกชิงความหวาน ผ่านไปไม่นานหล่อนก็บีบไหล่เขาเบาๆและเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมาเสียเอง แต่คุมิเหมือนจะไม่ยอมหยุดแค่นั้น หลังจากให้ชิโฮะพักสูดอากาศเข้าปอดไปได้ครู่นึงคนตัวสูงก็ดึงหญิงสาวอีกคนเข้ามาหมายจะประกบปากอีกครั้งแต่ก็โดนดันไหล่เอาไว้เสียก่อน
“อืออ ค..คุมิ พอก่อน ห..หายใจไม่ทันแล้วนะ”
เจ้าของร้านกาแฟทำหน้าเสียดาย แต่หล่อนก็ยอมหยุดแต่โดยดี ตาไล่มองไปยังใบหน้าสวยของอีกฝ่ายที่ตอนนี้แต่งแต้มไปด้วยสีแดงระเรื่อ ปากที่ช้ำเล็กน้อยเพราะรสจูบเมื่อครู่ และเสียงหอบหายใจเบาๆที่ออกมาจากปากของหญิงสาว
“แล้วตอนนี้ตกลงเราเป็นอะไรกัน ฮึ?” ซาซากิถามออกไปขณะรวบตัวคนตัวเล็กกว่ามากอด ให้เขาพิงไหล่ตัวเองเพราะดูท่าแล้วตอนนี้อีกคนคงไม่กล้ามองหน้าเธอนานๆแน่นอน
“..” ชิโฮะเหมือนให้ความเงียบเป็นคำตอบของคำถาม หล่อนเม้มปากตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจพูดเสียงเบา “คุมิอยากให้เป็นอะไรล่ะ..ฉันรับได้หมดแหละ”
“อืมม..นั่นสิ เป็นอะไรดีล่ะ?” เขายิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มร้ายๆเวลาที่นึกอยากแกล้งลูกแมวน้อยในอ้อมกอด แต่ตอนนี้ชิโฮะไม่เห็นหรอก ก็เล่นซุกหน้ากับบ่าของคุมิขนาดนี้ ฝ่ายคนขี้แกล้งเห็นเขาเงียบๆก็เลยพูดใส่ไฟไปอีก “พี่น้องดีมั้ย? ยังไงชิโฮะก็อายุน้อยกว่าฉันตั้งสองปี”
“….”
เหมือนตอนนี้คาโต้จช็อคไปแล้ว หล่อนเงียบเสียจนคุมิใจไม่ดี แต่ด้วยความที่นานๆทีจะได้แกล้งยัยลูกแมวหัวดื้อเลยจัดไปอีกประโยคซอฟท์ๆ ไม่ทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปเพราะกลัวใจว่าชิโฮะจะวิ่งหนีขึ้นห้อง “ฉันอยากให้ชิโฮะเรียกฉันว่าพี่บ้างน่ะ”
“…เอาจริง?”
“ล้อเล่นหรอก ก็ต้องอยากให้เป็นแฟนสิ ไม่งั้นไม่ตามมาหาที่บ้านหรอก” พูดไปก็เอามือขยี้หัวอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว ตอนนี้สาวเจ้ายอมขยับผละออกจากไหล่คุมิออกมานั่งมองหน้ากันตรงๆแล้ว ริมฝีปากของหล่อนยังช้ำอยู่หน่อยๆ แต่คุมิเห็นแล้วก็ลอบกลืนน้ำลาย
อยากจูบอีก
“ชิโฮะตกลงมั้ย?”
“..อื้อ”
หลังคำตอบที่แสนเรียบง่ายนั่นจบลงคาโต้ก็ถูกปิดปากอีกครั้ง
แต่คราวนี้คงไม่จบแค่จูบเฉยๆแล้วล่ะ