One-Shot

止まらない観覧車 (NatsuMado)

– Tomaranai Kanransha –

TOMARANAI KANRANSHA


          “มาโดกะ วันหยุดไปเดทกัน”

          น้ำเสียงร่าเริงดังมาจากหญิงสาวตัวเล็ก ดวงตากลมโตที่ยิ้มจนหยีลงเหมือนสระอิ หล่อนกำลังยืนค้ำโต๊ะของหญิงสาวเจ้าของชื่อ ‘มาโดกะ’ เอาไว้ ใบหน้าของเธอขยับเข้ามาใกล้กับหญิงสาวอีกคน ดูท่าทางตื่นเต้นไปตามประสาเหมือนเด็กๆ แต่ ‘มัตสึโอกะ นัตสึมิ’ คงจะไม่รู้ว่าคำชวนนี้ของเธอจะทำให้ ‘โมริยาสุ มาโดกะ’ หัวใจเต้นแรง มือของหล่อนที่กำลังเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าถึงกับชะงักลงอย่างง่ายดายเพียงเพราะแค่ประโยคเดียวของนัตสึมิ

          พวกเธอสองคนกำลังคบกันอยู่

          อาจจะเรียกแบบนั้นก็ได้สำหรับความสัมพันธ์อันแสนคลุมเครือนี้ มาโดกะและนัตสึมิเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเตรียมเข้าประถม พวกหล่อนโตมาด้วยกัน รู้ใจกันถึงขั้นที่ไม่ต้องเอ่ยปากบอก แต่มีสิ่งเดียวที่นัตสึมิไม่รู้นั่นก็คือความรู้สึกของมาโดกะ โมริยาสุรู้ว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีให้อีกฝ่ายไม่ใช่ความรู้สึกที่เรียกว่าเพื่อนหรือเพื่อนสนิท มันมากกว่านั้น มากกว่าที่จะอธิบายและร้อยเรียงออกมาเป็นคำพูดได้อย่างสวยงามเข้าใจง่าย กลับเป็นความรู้สึกแสนซับซ้อน ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รัก’

          “นัตจังอยากไปหรอ?”

          “อื้ม! อยากไปกับมาโดกะ!”

          เพียงแค่นี้ก็ทำให้รอยยิ้มถูกระบายขึ้นมาบนใบหน้าที่แสนเรียบเฉยของโมริยาสุแล้ว หล่อนจัดแจงเวลานัดพบสำหรับเดทในวันหยุดของพวกเธอทั้งสอง ถึงจะใช้คำว่าเดทแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่าการไปเที่ยวเล่นกันของผู้หญิงสองคน มัตสึโอกะไม่ได้เอะใจแววตาที่สั่นระริกของอีกฝ่ายเลย ไม่แม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว หล่อนพูดถึงแต่สิ่งที่อยากทำในวันนั้นจนกระทั่งมาโดกะเก็บของเสร็จและชวนนัตสึมิกลับบ้านด้วยกันอย่างเช่นทุกวัน

ระหว่างทางกลับบ้านนั้นไม่ได้เงียบเหงา มีเสียงของนัตสึมิชวนคุยเป็นระยะพอๆกับเสียงตอบเนือยๆของมาโดกะ พวกเธอเดินมาถึงเกือบกลางทางแล้วทว่ามาโดกะก็หยุดอยู่กับที่ ไม่เดินต่อเสียอย่างนั้น เป็นเหตุให้มัตสึโอกะต้องหยุดรอไปด้วย หล่อนเข้ามาถามไถ่อีกฝ่าย สีหน้าดูเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย

          “มาโดกะหยุดเดินทำไม?”

          “จับมือ..ได้มั้ย?” พูดพลางยื่นมือออกมาให้คนตัวเล็กกว่า หล่อนจ้องมองมือของโมริยาสุอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจทำตามคำขอของอีกฝ่าย นิ้วจากมือทั้งสองประสานกันเอาไว้ ร่างสูงออกแรงแกว่งแขนไปมาเบาๆอย่างสบายอารมณ์ อย่างน้อยการทำแบบนี้นั้นก็ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นบ้างจากที่กำลังเศร้าๆอยู่ มาโดกะลอบมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มบางๆของคนตัวเล็กกว่า หล่อนเป็นผู้หญิงที่สวย ไม่ว่าอิริยาบถไหนก็ดูดี ขนาดโกรธแล้วยังดูน่ารัก ไม่เหมือนกับเธอเลย นัตสึมิมักออกปากชมว่าเธอสวยแล้วเข้ามาจับแขนบ้างจับแก้มบ้างอย่างมือลื่นเป็นปลาไหล น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

          ในที่สุดหญิงสาวทั้งสองคนก็เดินมาถึงหน้าบ้านของมาโดกะ ภายในดวงตาของเจ้าของบ้านมีแววที่แสนเสียดายในสัมผัสอุ่นๆจากมือนัตสึมิ ไม่อยากปล่อยเลย แต่ในเมื่อถึงบ้านของตัวเองแล้วจึงจำใจปล่อยมือออกมาอย่างเสียไม่ได้ คนตัวสูงก้มลมเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มอีกฝ่าย หลังจากผละออกมาก็หัวเราะคิกคักกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของแม่เสือน้อย หล่อนรีบเบือนหน้าหนีมาโดกะทันที ท่าทางน่ารักๆนั่นทำให้คนตัวสูงยิ่งมีรอยยิ้มที่กว้างขึ้น

          “งั้นแยกกันตรงนี้นะ เจอกันพรุ่งนี้” นัตสึมิพยักหน้ารับคำพูดของมาโดกะ หล่อนโบกมือไปมาเบาๆเป็นเชิงลาแล้วขอตัวกลับบ้านพร้อมๆกับที่คนตัวสูงหมุนตัวหันหลังเดินเข้าบ้านไป อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันหยุดที่ว่าแล้ว ทิ้งงานโปรเจคที่ยังทำไม่เสร็จซักครั้งเพื่อไปเที่ยวกับหญิงสาวที่นานๆทีจะชวนเธอออกไปข้างนอกนั้นจะเป็นอะไรไป โมริยาสุลอบยิ้มกับตัวเองขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดบ้าน ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นจากมือของนัตสึมิอยู่เลย คนมีความรักจะเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ?

          .

          .

          .

          เช้าวันนัดมาโดกะตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อยเพราะเหตุขัดข้อง นาฬิกาที่เธอตั้งเอาไว้ดันไม่ปลุก ยังโชคดีที่เธอมักจะตื่นเวลานี้เป็นประจำทำให้ร่างกายตื่นตามเวลาของมันโดยอัตโนมัติ หล่อนใช้เวลาในการเลือกเสื้อผ้าอยู่นานพอตัว นัตสึมิบอกว่าจะมาหาที่บ้าน ไม่ต้องรีบก็ได้ แต่ใครจะรู้ หล่อนอาจจะกลับคำตัวเองก็ได้นี่นา แม่เสือน้อยของมาโดกะเป็นพวกอารมณ์แปรปรวนง่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เขาไม่เคยตามอารมณ์เธอทันเลยซักนิด

ระหว่างที่โมริยาสุกำลังเปิดประตูห้องของตัวเองเพื่อลงไปยังชั้นล่างนั้นเสียงเรียกเข้าของสมาร์ทโฟนก็ดังขึ้นเสียก่อน หยิบขึ้นมาดูแล้วก็พบกับเบอร์อันแสนคุ้นตา มาโดกะไม่ลังเลที่จะกดรับมันเลย..เบอร์ของนัตสึมิ

          “ฮัลโหล?” กรอกเสียงไปตามสาย ไม่นานนักนักเจ้าหล่อนก็ตอบมาจากอีกฟากฝั่งของสายด้วยน้ำเสียงที่ติดหงุดหงิดไม่เบา มาโดกะเลิกคิ้วขึ้นทว่าไม่แปลกใจเท่าไหร่นักกับอาการหงุดหงิดของหญิงสาว ออกจะปกติเสียด้วยซ้ำ ไม่มีครั้งไหนที่นัดกันแล้วนัตสึมิไม่หงุดหงิดก่อนออกจากบ้าน

          ‘เปลี่ยนไปเจอที่หน้าสวนสนุกแทนเลยได้มั้ย? พอดีมีเรื่องนิดหน่อย’

          นั่นไง

          ผิดจากที่คิดตรงไหน

          “อือฮึ ” หล่อนรับคำอีกฝ่ายในลำคอก่อนจะได้ยินเสียง ติ๊ด เป็นการตัดสาย โมริยาสุละสมาร์ทโฟนออกจากหู ถอนหายใจเบาๆกับน้ำเสียงเมื่อครู่ของนัตสึมิ มันดูกระชากมากกว่าปกติไปหน่อย คิดว่าคงทะเลาะกับที่บ้านหรือไม่ก็ใครซักคนที่หล่อนสนิทด้วยจนแทบจะพ่นไฟ ยิ่งเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบแม่เสือน้อยของมาโดกะแล้วยิ่งทวีคูณความเหวี่ยงความวีนเข้าไปได้อีกเยอะจนคนส่วนใหญ่ขยาด ไม่ค่อยกล้าทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ

          แต่ก็ยกเว้นตัวมาโดกะเองนั่นแหละ

          หญิงสาวตัวสูงหย่อนสมาร์ทโฟนลงในกระเป๋าใบโปรด เมื่อเช็คว่าไม่ลืมอะไรแน่นอนแล้วถึงได้เดินไปหยิบรองเท้าที่ชั้นวาง สวมใส่มันเพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากบ้าน โชคดีที่วันนี้พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บ้าน พวกท่านไปบินสัมนาที่ต่างประเทศ คงอีกซักสองสามอาทิตย์ถึงกลับ มาโดกะชินแล้วกับการอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว

หล่อนจัดการลงกลอนประตู หันกลับมาเช็คในกระเป๋าอีกรอบเผื่อเธอลืมกุญแจเอาไว้ในบ้าน พวงกุญแจบ้านของมาโดกะอยู่ในกระเป๋าสตางค์อีกที พอหาสิ่งที่ต้องการเจอแล้วหล่อนเลยได้ฤกษ์เดินออกไปรอรถบัสซักที อาจไม่นานเท่าไหร่สำหรับการไปสวนสนุกใกล้บ้าน นัตสึมิคงตามมาทีหลัง กว่าหล่อนจะเคลียร์เรื่องชวนหงุดหงิดใจได้คงนานโขทีเดียว โมริยาสุปล่อยใจให้สงบลง แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเธอสองคนไปเดทกัน แต่มันก็ยังน่าตื่นเต้นอยู่ดี ไม่มีครั้งไหนที่มาโดกะไม่รู้สึกใจเต้นเลย ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งสายลมพัดวูบมาสัมผัสผิว รถบัสประจำทางอยู่ตรงหน้านี่เอง หล่อนส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองและก้าวขึ้นรถไป

          .

          .

          .

          “มาโดก่าาาาาา!”  ทันทีที่เจ้าของร่างสูงพาตัวเองลงมาจากรถก็เจอแรงกระแทกจากการกระโดดเข้ากอด หล่อนเซไปด้านหลังสองสามก้าวก่อนรวบตัวหญิงสาวเอาไว้ ดึงหล่อนให้ขึ้นมาบนฟุตบาท เมื่อกี้นัตสึมิกระโจนใส่จนเธอเกือบโดนรถเฉี่ยวแล้ว ใจมาโดกะแทบหล่นไปที่ตาตุ่ม

          “ระวังหน่อยสินัตจัง! เดี๋ยวโดนรถชนขึ้นมาจะทำยังไง” พอโดนคนไม่ค่อยพูดอย่างมาโดกะดุเข้านัตสึมิเลยทำหน้าหงอย ตากลมโตช้อนมองอีกฝ่ายอย่างออดอ้อด วันนี้หล่อนทำผมทรงโพนี่เทล ปัดหน้าม้าไปด้านซ้าย มีปอยผมบางส่วนถูกปล่อยลงมาเคลียแก้มใส เจ้าของอ้อมกอดเกลี่ยมันขึ้นไปทัดหู ค่อยๆคลายกอดลงเปลี่ยนมาเป็นกุมมือแทน “รู้แล้วๆ ไม่ดุก็ได้ เข้าไปข้างในกันเถอะ”

          มัตสึโอกะยิ้มกว้างเมื่อหล่อนเป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้ กระชับมือที่เกาะกุมกันให้แน่นขึ้นแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นคนนำโมริยาสุเข้าไปในสวนสนุก สายตาจากมาโดกะมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั่นไป หล่อนทำตัวเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ อารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้าของหล่อนคงจะหายไปแล้ว เห็นแบบนี้ก็ใจชื้นว่าตัวเองคงไม่โดนวีนเป็นแน่

หลังโดนลากไปซื้อตั๋ว เล่นนู่นเล่นนี่จนหนำใจแล้วก็มาถึงที่สุดท้าย พวกเธอเดินวนเล่นอยู่ในสวนสนุกนั่นจนกระทั่งดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แสงสว่างจากไฟหลากสีทั่วทั้งสวนสนุกเสริมให้สถานที่แห่งนี้ดูมีสีสันขึ้นในยามโพล้เพล้ มือข้างนึงของนัตสึมือถือขนมสายไหมสีฟ้าหวาน หล่อนฉีกส่วนหนึ่งของมันออกมาแล้วป้อนคนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างๆ ความจริงแล้วมาโดกะไม่ได้เป็นคนชอบเจ้าชอบเจ้าขนมหวานชนิดนี้เท่าไหร่นัก แต่ถ้านัตสึมิเป็นคนป้อนล่ะก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว

          เพราะถ้าไม่กินจะโดนงอนเอาง่ายๆน่ะสิ

          “มาโดกะ ขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน” หล่อนพูดพลางชี้นิ้วของมือข้างที่ว่างอยู่ไปยังเจ้าชิงช้าสวรรค์ที่ว่า พอฟ้าเริ่มมืดผู้คนก็เริ่มจะทยอยมายังชิงช้าสวรรค์แห่งนี้ เพราะถ้าขึ้นไปบนยอดสุดแล้วจะสามารถเห็นวิวของเมืองทั้งเมืองได้เกือบหมด สวยใช้ได้เลยล่ะ มาโดกะรู้เพราะเคยขึ้นมาแล้วหลายรอบ ทว่าเธอไม่เคยขึ้นกับมัตสึโอกะเลยซักครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกสำหรับหญิงสาวทั้งสอง

          “อื้ม” มาโดกะตอบตกลงโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดซักเสี้ยววิเดียว จูงมือหญิงสาวอีกคนเดินไปต่อแถวเพื่อขึ้นชิงช้าสวรรค์อย่างไม่รีบร้อน หันมามองนัตสึมิอีกทีสายไหมก้อนใหญ่นั่นก็หายไปเหลือแต่ไม้ โมริยาสุลอบยิ้ม หยิบทิชชู่ออกมาแล้วค่อยๆบรรจงเช็ดคราบน้ำตาลสีฟ้าที่เลอะปากหล่อนออกทีละนิดระหว่างรอ พอดีกับที่คนตัวสูงเช็ดปากให้แม่เสือน้อยของเขาเสร็จ พนักงานก็เรียกให้ทั้งสองคนเข้าไปในกระเช้าชิงช้าสวรรค์ มาโดกะให้นัตสึมิเข้าไปก่อนแล้วตัวเองงถึงเข้าไปทีหลัง น่าแปลกที่คนทั้งคู่เลือกที่จะนั่งลงบนฝั่งเดียวกัน เว้นระยะห่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

          กระเช้าค่อยๆเคลื่อนที่ ชิงชาสวรรค์หมุนอย่างช้าๆให้ผู้คนได้ดื่มด่ำกับภาพทิวทัศน์ของเมืองยามราตรีที่ท้องฟ้าเปิดสว่าง แสงไฟส่องประกายไปทั่วพื้นที่ นัตสึมิจ้องภาพนั้นอย่างไม่วางตา สมาร์ทโฟนถูกยกขึ้นมาถ่ายรูปไปหลายช็อตเพื่อเตรียมอัพลงโซเชี่ยล ภายในสถานที่แคบๆที่แกว่งไกวไปมาเล็กน้อยแห่งนี้ทำให้มัตสึโอกะสไลด์ตัวเข้ามาชิดกับโมริยาสุโดยไม่ได้ตั้งใจ หล่อนหันกลับมาก็สบตาเข้ากับอีกฝ่ายพอดี เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกเขามองมาตลอด คล้ายมีแรงดึงดูดบางอย่างผลักให้นัตสึมิเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เหลือช่องว่างเพียงให้แสงลอดผ่านเป็นเส้นลีบเล็กเส้นเดียวเท่านั้น ก่อนริมฝีปากจะถูกประทับลงไปยังที่เดียวกัน โมริยาสุกลับเอานิ้วชี้ของหล่อนมากั้นเอาไว้ มัตสึโอกะชะงักไป

          “จูบ..ไม่ได้หรอกนะ”

          ตอนนี้กระเช้าของพวกเธอเพิ่งวนมาถึงจุดบนสุดของชิงช้าสวรรค์ คำพูดเมื่อครู่ของคนตัวสูงทำให้นัตสึมิรู้สึกตัว หล่อนหลบสายตาที่มองมา ทอดมองไปยังภาพเบื้องล่างแทนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ฝ่ายมาโดกะ หล่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงมาระหว่างพวกเธอทั้งสองจนในที่สุดชิงช้าสวรรค์ก็หมุนครอบหนึ่งรอบ ช่วงเวลาแห่งความรักกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว มาโดกะและนัตสึมิมีเวลาจำกัดสำหรับเดทครั้งนี้ ยามเมื่อชิงช้าสวรรค์หมุนครบสองรอบเมื่อไหร่ก็คงต้องบอกลากันตรงหน้าสวนสนุก

มือที่ประสานกันของหญิงสาวสองคนกระชับกันแน่นขึ้นไปอีก คนหนึ่งมองไปยังด้านนอกกระเช้า ส่วนอีกคนกำลังมองเสี้ยวหน้าของหล่อนอีกทอด อยากให้ชิงช้าสวรรค์นี้หมุนไปตลอดกาล เพื่อที่จุดสิ้นสุดของความรักครั้งนี้จะไม่มีวันมาหาพวกเธอ

          อีกเพียงสิบห้านาทีสุดท้ายของชิงช้าสวรรค์ที่กำลังหมุนไป มาโดกะได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง แขนรวบเอวหญิงสาวผู้ที่นั่งแนบชิดตัวกัน หล่อนหันมาด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากถามอะไรนัตสึมิกลับโดนริมฝีปากนุ่มของมาโดกะทาบลงมา คำถามทั้งหมดทั้งมวลถูกกลืนหายไปในลำคอแทบจะทันที กลิ่นน้ำตาลจากสายไหมสีฟ้าที่พวกเธอทั้งคู่เพิ่งกินหมดทำให้จูบครั้งนี้หอมหวานยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

          ไม่รู้ว่านัตสึมิจะยกโทษให้เธอหรือเปล่าที่ทำตามใจตัวเอง จูบเจ้าตัวไปแบบนั้น

          โมริยาสุผละริมฝีปากออกก่อนกระเช้าจะถูกเปิดโดยพนักงานเพียงไม่กี่นาที หล่อนยังคงกุมมือของนัตสึมิเอาไว้อยู่ เราทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรเกี่ยวกับจูบบนกระเช้าชิงช้าสวรรค์นั่นอีก ค่อยๆเดินอย่างช้าๆไปยังทางออกของสวนสนุก มาโดกะเหลือบมองคู่เดทของตัวเองเป็นระยะๆ จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงทางออก มาโดกะเห็นหญิงสาวตัวเล็กกว่านัตสึมิยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน เหมือนหล่อนเหมือนกำลังรอใครอยู่ ตาสีน้ำตาลเข้มหลุบลงมองยังมือที่กุมกัน เขาค่อยๆคลายมันออก ปล่อยให้มือนุ่มของนัตสึมิเป็นอิสระ

          “ไปเถอะ อาโอยจังมารับกลับแล้ว”

 

          ใช่ ถึงแม้มาโดกะจะรักนัตสึมิมากแค่ไหน ตัวและหัวใจของเธอก็ต้องกลับสู่ความจริง

          ความจริงที่ว่าเธอรักนัตสึมิเพียงข้างเดียว

          หล่อนมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว ซึ่งก็คือหญิงสาวตัวเล็กคนนั้น

          ‘โมโตมุระ อาโออิ’

 

          รอยยิ้มฝืนๆปรากกฏขึ้นบนใบหน้า โมริยาสุมองส่งหญิงสาวทั้งสองคนจนลับสายตาไปแล้วตัวเองจึงเดินไปอีกทาง ความจริงแล้วพวกเธอทั้งสามคนต้องกลับบ้านทางเดียวกัน แต่มาโดกะเลือกที่จะกลับทางอ้อมเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างนัตสึมิและอาโออิ

 

          “ชิงช้าสวรรค์..ยังไงก็ต้องมีวันหยุดหมุนสินะ..”

ใส่ความเห็น