– Your scent –
‘Caflet’
ยุยเกลียดยานั่น
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาขณะที่กำลังนั่งกอดเข่าพิงหัวเตียงอยู่ภายใต้ความเงียบสนิทซึ่งโรยตัวลงมาภายในห้องนอนสีครีมหม่น แสงสลัวๆลอดผ่านมาทางหน้าต่างบานไม่เล็กไม่ใหญ่มากตรงข้างๆโต๊ะเครื่องเขียนช่วยให้ยุยมองเห็นสิ่งต่างๆอย่างเลือนลาง สายตาเลื่อนผละจากวิวภายนอกหน้าต่างบานเดียวของห้องมายังมือที่กำกันแน่นของตัวเอง หล่อนค่อยๆคลายมันออก แคปซูลสีน้ำตาลเข้มเม็ดหนึ่งกำลังนอนแน่นิ่งรอให้เธอกลืนมันลงไป
แต่เธอทำไม่ได้
ยุยไม่สามารถกินมันลงไปได้ จะเรียกว่าดื้อยาดีมั้ยนะ? ถึงร่างกายจะต้องการ ‘คาเฟอีน’ มากเพียงไหน ทว่าหล่อนกลับต่อต้านการกินยาCarfletเพื่อทดแทนคาเฟอีนที่จางหายไป หัวคิ้วของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้กดลงขมวดมุ่นก่อนโยนเม็ดยาแสนไร้ค่า(ในความคิดของเธอ)ทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องเขียน ซุกใบหน้าลงกับหัวเข่าด้วยความอ่อนแรง หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้กินยา ไม่สิ หลายสัปดาห์แล้วต่างหาก
ตั้งแต่วันที่พี่เขาตัดสินใจเดินออกไปจากชีวิตของเธอ…
ปกติแล้ว ‘Cup’ อย่างโคบายาชิต้องได้รับคาเฟอีนในจำนวนพอดีกับความต้องการถี่ถ้วนสม่ำเสมอ ราวๆวันละสามครั้งได้ และการที่ไม่ได้รับคาเฟอีนให้พอดีก็ใช่ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เธอเริ่มนอนไม่เป็นเวลา อ่อนเพลียง่ายกว่าปกติทั้งๆที่แข็งแรงดี ดังเช่นตอนนี้ที่ตาของยุยยังสว่างอยู่ ไม่สามารถกล้ำกลืนฝืนทนให้ตัวเองนอนหลับสบายได้จริงๆ
เสียงถอนหายใจแผ่วดังขึ้นอีกรอบพร้อมเสียง ตุบ เบาๆจากการทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาที่ยังพอแบ่งเบาคลายความหนาวจากลมเครื่องปรับอากาศลงไปได้บ้าง ริมฝีปากล่างถูกขบกัดเบาๆ ‘ทรมาน’ เป็นคำที่อธิบายความรู้สึกตอนนี้ของโคบายาชิได้ดีที่สุด หล่อนพลิกตัวไม่มาอย่างคนครั่นเนื้อครั่นตัว บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกลั้นหายใจกินยานั่นไปให้จบๆ
ถ้าวันนั้นเธอคิดรั้งพี่เขาเอาไว้ซักหน่อย
คงไม่ต้องมานั่งกล้ำกลืนความเจ็บปวดอยู่แบบนี้หรอก
วาตานาเบะ ริสะ หล่อนเป็น ‘Coffee’ พี่เขาอายุมากกว่าเธออยู่ปีนึง ครั้งแรกที่เจอกัน เธอจำได้ดีว่าเป็นเพราะกลิ่นคาราเมลเตะจมูกนั่น ‘Aroma’ของพวกคอฟฟี่เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจคัพอย่างยุยไปเกือบหมด นัยน์ตาสีอ่อนจับจ้องอยู่แค่พี่เขาคนเดียวโดยไม่รู้ตัว แลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก หล่อนรู้จากสัญชาติญาณว่าริสะไม่ใช่คอฟฟี่ธรรมดาแน่ๆ
ยุยกับริสะทำงานอยู่แผนกเดียวกัน และแน่นอนว่าต้องเจอกันทุกวัน ความสัมพันธ์ของพวกเธอพัฒนาไปด้วยความรวดเร็วในแง่ของความรัก จากเพียงเพื่อนร่วมงาน เลื่อนขึ้นมาเป็นคนสนิท และสุดท้ายก็จบลงที่สถานะคนรัก
เคยมีคนถามยุยว่า สำหรับเธอแล้ว ริสะเปรียบได้กับกาแฟชนิดไหน
‘อเมริกาโน่’ หล่อนตอบไปเช่นนั้น
อเมริกาโน่เป็นกาแฟดำที่ต้องเติมน้ำลงไปให้เจือจาง ปริมาณขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ดื่มว่าอยากได้ให้เข้มข้นประมาณไหน ในความคิดของเธอ ริสะคงเป็นอเมริกาโน่ที่รสค่อนข้างเข้มทีเดียว ไม่น่ามีอโรม่ากลิ่นคาราเมลได้เลย ทุกครั้งที่ริมฝีปากแตะสัมผัสกัน ความขมปร่ามักเป็นสิ่งแรกที่ยุยได้รับก่อนตามมาด้วยความหวานเล็กๆติดปลายลิ้น
แต่เธอก็ชอบมันนะ
ชีวิตคู่เป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งย่างเข้าปีที่ห้า ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างหนัก หนักจนถึงขนาดที่ริสะยอมเป็นฝ่ายล่าถอยและยอมแพ้ให้กับความสัมพันธ์ครั้งนี้ด้วยตัวเอง ประโยคซึ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงของพี่เขา ยุยไม่มีวันลืม
‘เราให้พี่มากเกินไป..มากไปจริงๆ’
ทำไมพี่เขาถึงพูดออกมาแบบนั้น
ตอนนี้ยุยก็ยังคงไม่เข้าใจความหมายของมันเสียที
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของอาการCaffeine withdrawal*ซึ่งเธอกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
แม้เหตุการณ์ทั้งหมดจะผ่านมาปีกว่าๆแล้วก็ตาม หล่อนยังเจอกับริสะอยู่ทุกวันที่ออฟฟิศ โคบายาชิเข้าหน้ากับอีกฝ่ายไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เธอมีให้เขายังคงเท่าเดิม อาจจะมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ ความคิดถึงคะนึงหาตกตะกอนเป็นความเศร้าและโทษตัวเองอยู่ร่ำไป สุดท้ายหล่อนก็ตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่ ขังตัวเองอยู่ในห้องคอนโดอันแสนหม่นหมอง นับเวลาตั้งแต่วันแรกที่เธออยู่แต่ในห้องจนถึงวันนี้ก็เกือบร่วมเดือนพอดี
ทางด้านวาตานาเบะเอง การที่น้องลาออกไปไม่ได้ทำให้เธอแปลกใจเท่ากับการที่หล่อนขาดการติดต่อไปเป็นเดือนขนาดนี้ อาจจะเปลี่ยนเบอร์โทรด้วย ทีแรกเธอคิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไร อาจติดต่อกลับมาทีหลัง แต่ไม่เลย แบบนี้มันแปลก แปลกเกินไปสำหรับค่อนที่ชอบเช็คSNSอย่างยุย
เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอถึงได้มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องซึ่งตัวเธอคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
ถือวิสาสะเอาแต่ใจตัวเองกดรหัสเข้าไป สภาพของทุกอย่างภายในห้องยังเหมือนเดิม ตั้งอยู่ที่เดิม ป้าแม่บ้านน่าจะเข้ามาทำความสะอาดให้เช่นทุกครั้ง ค่อยๆเดินอย่างระมัดระวัง ไม่ลงส้นเท้าจนเกิดเสียงดัง เธอคิดว่ายุยน่าจะนอนอยู่ที่ห้องนอน เพราะตอนนี้ก็หัวค่ำแล้ว มือเรียวจับลูกบิดและมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจนึงคิดว่าหากเปิดเข้าไปและเจอเจ้าของห้องจะทำตัวยังไง ส่วนอีกใจก็คิดว่าหากเปิดไปแล้วไม่เจอหล่อนล่ะ?
สุดท้ายก็กลั้นลมหายใจเปิดประตูเข้าไป
“ยุย..” โชคดีที่ถ้วยกาแฟของเธอยังอยู่ในห้องไม่ไปไหน แต่สภาพร่างกายตอนนี้สิ เธอไม่โอเคเลยกับการเห็นน้องนอนตัวสั่นอย่างนั้น ความจริงเครื่องปรับอากาศก็ไม่ได้เป็นอุณภูมิต่ำด้วยซ้ำ ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นยุยเป็นแบบนี้ แต่นั่นมันก็นานมากแล้วตั้งแต่เจอกันแรกๆ ไม่คิดว่าหล่อนจะกลับมาเป็นแบบนี้ กลับมาเป็นเด็กดื้อไม่ยอมกินยา
“….”
เรียวคิ้วขมวดมุ่น รีบตรงดิ่งมาย่อตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง เลิกผ้าห่มออกเล็กน้อยให้พอเห็นหน้าหญิงสาวชัดเจนขึ้นผ่านแสงสลัวของดวงจันทร์ซึ่งลอดผ่านมาทางหน้าต่าง ถ้าให้เดาล่ะก็คงขาดยามาหลายสัปดาห์แล้วแน่ๆ คัพที่ไม่มีคอฟฟี่ช่วยประคองและส่งผ่านคาเฟอีนนั้นไม่ต่างอะไรกับการนับวันรอเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทรา นอกเสียจากจะกินจะCafletเพื่อเพิ่มปริมาณคาเฟอีนในร่างกาย
แต่เด็กดื้อของเธอดันไม่ยอมนี่สิ….
“ทำไมถึงไม่กินยา ยุย?”
“…ไม่ชอบ” หญิงสาวตรงหน้าเกลียดยาCafletเข้าไส้แค่ไหน เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะยุยกินมันมาเกือบทั้งชีวิต พอเจอกับเธอถึงเลิกขาดกับเจ้ายานั่น จะให้กลับมากินอีกก็คงต้องใช้เวลา แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะเสพติดคาเฟอีนจากตัวของริสะไปแล้วเลยทำให้ไม่สามารถกินยานั่นได้อีก
“ไม่ชอบก็ต้องกิน..อย่าดื้อสิ”
“ก็อยากให้พี่ทำ…”
โคบายาชิ ยุย ทำไมถึงได้พูดจาสองแง่สองงามแบบนี้กัน..
“เธออยากให้พี่ทำอะไรล่ะ? จูบหรอ? หรือ….เอ่อ…” ปฏิเสธไม่ได้ว่าวาตานาเบะคิดถึงปากนุ่มๆและจูบกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ของหญิงสาวตรงหน้าขนาดไหน มือเรียวเกลี่ยปัดปอยผมซึ่งปรกหน้าอีกฝ่ายออก ส่วนอีกข้างยันพื้นเตียงนุ่มเอาไว้ก่อนค่อยๆทิ้งตัวลงนอนตรงที่ว่างข้างๆโคบายาชิ
“ไม่..พี่แค่..กอดฉันก็พอ..” หล่อนส่ายหน้าไปมาเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ การถ่ายทอดคาเฟอีนไปสู่อีกฝ่ายไม่ได้กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าคัพแต่ละคนสามารถทำด้วยวิธีไหนได้บ้าง ในกรณีของหญิงสาวตาหางตาตกคนนี้คงครอบคลุมทั้งหมด ไล่ตั้งแต่แตะตัว กอด จูบ หรือแม้กระทั่งเซ็กส์ แน่นอนว่าวิธีหลังนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ยุยจะได้รับคาเฟอีนอย่างเต็มเปี่ยมหลังจากไม่ได้รับมันมาเป็นเวลานาน
ทว่าเธอกลับเลือกที่จะให้พี่เขากอด
ความอบอุ่นของอ้อมแขนค่อยๆคืบคลานโอบรอบตัวเจ้าของเตียงเอาไว้หลวมๆ สัมผัสนุ่มนวลจากริมฝีปากถูกทาบทับบนหน้าผากเนียนก่อนที่วาตานาเบะจะไล่กลีบปากลงมา กดแผ่วบนเปลือกตาซึ่งปิดลงราวกับกำลังรอการกระทำอันแสนคุ้นเคยของอดีตคนรัก มือลูบผ่านหลังอีกฝ่ายเพียงผิวเผิน ถึงแม้จะเลิกรากันไปแล้ว และในช่วงเวลาสั้นๆนั้นเธอไม่ได้เจอยุยเลย ทว่ากลับมาครั้งนี้หล่อนยังคงน่ารัก…เหมือนเดิม
เป็นคนที่ทำให้หัวใจของริสะเต้นผิดจังหวะ..เช่นเดิม
ลมหายใจของหญิงสาวในอ้อมกอดเริ่มสม่ำเสมอแล้ว ริสะคิดว่าหล่อนคงใกล้จมลงสู่ห้วงนิทราเต็มที ประทับริมฝีปากบางเบาอีกครั้งตรงข้างแก้มและมุมปากไร้ซึ่งลิปสติกแต่งแต้ม จะมีก็แต่ลิปกลอสเคลือบเอาไว้เท่านั้น เจ้าของอ้อมกอดผ่อนลมหายใจแผ่วออกมา คล้อยตามองใบหน้าของคนรักเก่าด้วยความชั่งใจเล็กๆ หล่อนพอจะรู้ว่าที่จริงยุยไม่ได้อยากให้กอดเพียงอย่างเดียว ริมฝีปากอิ่มที่เผยอออกเล็กน้อยตรงหน้าทำเธอคิดหนัก คิดแล้วคิดอีก คิดจนสมองแทบจะระเบิดว่าควรทำอย่างไรกับมันดี
จูบ…ดีมั้ยนะ?
“ยุย..” ขยับมากระซิบเรียกที่ข้างหูของหล่อน ทว่าโคบายาชิกลับไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่
“ยุยจัง…” แตะฝ่ามือลงบนแก้มนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายพลางขยับไล้ไปตามสันกราม ลำคอ กระดูกไหปลาร้าซึ่งพ้นออกมาจากเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้นั้นลืมติดกระดุมเม็ดแรก ไล่นิ้วไปตามไหล่ลาดภายใต้ร่มผ้าก่อนจะหยุดชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าของเรือนร่างนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้อง…หากเจ้าของนั้นไม่ได้อนุญาต ริสะเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ ทำไมพอมาอยู่ใกล้กันแบบนี้แล้วเธอถึงห้ามตัวเองไม่ได้เลยซักครั้ง ให้ตายเถอะ หล่อนเคยพยายามหาคัพคนอื่นมาแทนที่ยุยแล้วแท้ๆ แต่มันไม่ใช่
ไม่ใช่เลยซักนิด
สัมผัสอ่อนนุ่มบดเบียดลงบนอวัยวะส่วนเดียวกัน ไร้ความรู้สึกวาบหวามหรือร้อนแรง หากแต่เป็นความอบอุ่นซึ่งถูกส่งผ่านไปสู่หญิงสาวตรงหน้าวาตานาเบะเพียงเท่านั้น อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้น คนอายุมากกว่ายังคงค้างริมฝีปากเอาไว้เช่นนั้นเนิ่นนาน นานพอที่จะทำให้ยุยรู้สึกตัว หล่อนกะพริบตาถี่เพื่อปรับโฟกัสเล็กน้อย มือเรียวค่อยๆเลื่อนไปเกาะกุมเข้าที่แผ่นหลังของพี่เขา กดจูบตอบกลับไปอย่างเนิบนาบ ฟันเขี้ยวถูกกดลงเพื่อขบกัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายเบาๆ เราจูบกันอยู่แบบนั้นจนริสะต้องเป็นฝ่ายผละออกมา หล่อนหายใจแรง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ไม่แน่ใจว่าเพราะขาดอากาศหรือเพราะเขินกันแน่
“พี่ลักหลับฉันหรอ?”
“เปล่า..ก็พี่เรียกเธอแล้วเธอไม่ตื่น..” สางผมสีเปลือกไม้ของอีกคนไปมาโดยที่ดวงตาไม่ได้จับจ้องยังใบหน้าของฝ่ายนั้นเลย หล่อนกำลังประหม่า ยุยรู้ดี คบกันมาก็ตั้งนาน ทำไมกับอีแค่อาการแค่นี้เธอจะดูไม่ออก “อืม…แล้วก็ถ้าเธอตื่นอยู่พี่คงไม่ได้จูบ..เธอน่าจะไม่ยอม”
“ทำไมชอบคิดเองเออเองอะ” กัดปากด้วยความหมั่นเขี้ยวหมาโกลเด้นตรงหน้าเหลือเกิน ยิ่งหลุบตาหลบพร้อมท่าทางเงอะๆงะๆลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนมแล้วยิ่งทำให้เธออยากจับพี่เขามาฟัดๆให้เข็ด กลิ่นคาราเมลอ่อนๆเฉพาะตัวที่โคบายาชิคุ้นเคยลอยมาแตะจมูก คนอายุน้อยกว่าค่อยๆขยับตัวซุกหน้าลงยังซอกคออุ่น ตรงนี้กลิ่นคาราเมลชัดเจนกว่าส่วนอื่นของร่างกาย ไม่แปลกถ้ามันจะเป็นจุดที่เธอเข้าไปซุกบ่อยๆ “ตั้งแต่เรื่องตอนนั้นที่ทะเลาะกันแล้ว..”
“อ่า…เรื่องนั้น..”
“ดูไม่ออกหรอว่าฉันไม่ได้อยากเลิกกับพี่?”
“มันก็…”
“บื้อ” กับเรื่องอื่นล่ะฉลาด พอเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆแล้ว วาตานาเบะริสะกลับกลายเป็นคนซื้อบื้อคนนึงไปเลย ขี้เก๊กก็หนึ่ง ปากแข็งก็สอง นิสัยแบบนี้แก้ยาก แต่หล่อนก็ยังทนกับมันมาได้นานเกือบห้าปี ทนต่อไปอีกซักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก ถ้าพี่เขาอยากจะกลับมาคบกับเธอต่อล่ะก็นะ
มือซึ่งก่อนหน้าเคยพักมันเอาไว้ที่หลังของคนพี่เริ่มไต่ขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงท้ายทอย เจ้าของห้องเงยเชิดใบหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยพอให้ริสะโน้มตัวตามแรงกดของมือลงมาจูบเธอได้ สัมผัสนุ่มทาบทับลงมาแทบจะทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยขอ เขาไม่เคยปฏิเสธ ไม่สิ ปฏิเสธไม่ได้ต่างหาก เพราะพี่ริสะน่ะชอบลิปกลอสกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ของเธอจะตายไป แต่ว่า…
หากเทียบกับที่ริสะชอบจูบกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ของเธอแล้ว
ยุยก็คงหลงรักจูบรสกาแฟของพี่เขาไม่ต่างกัน
เรือนผมตัดสั้นสีน้ำตาลเข้มตกลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงเมื่อวาตานาเบะพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบนร่างของอดีตคนรัก บดคลึงกลีบปากเชื่องช้า การจูบเป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับส่งผ่านคาเฟอีนจากร่างกายของคอฟฟี่สู่คัพ ยิ่งนานมากเท่าไหร่ ปริมาณคาเฟอีนที่ยุยได้รับก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ริสะค่อยๆแทะเล็มริมฝีปากเคลือบลิปกลอสด้วยความใจเย็น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเอียงหน้าให้เราสองคนแลกเปลี่ยนลมหายใจแก่กันได้ถนัดขึ้น กลิ่นขมของกาแฟจางๆผสมเข้ากับกลิ่นคาราเมลหวานเฉพาะตัวทำให้คนน้องเคลิ้มไปกับมันได้ไม่ยากนัก หล่อนปิดเปลือกตาลง ดื่มด่ำกับรสจูบซึ่งไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน มือเรียวประสานกันเอาไว้ที่ท้ายทอยของวาตานาเบะ
โคบายาชิถอยผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ลิ้นนุ่มของคุณกาแฟกำลังไล่เก็บคราบความรู้สึกที่ตัวเองทิ้งเอาไว้ ฝากร่องรอยสีแดงเรื่อเล็กๆจากการขบกัดเบาๆ นิ้วเรียวเกลี่ยปอยเส้นไหมสีเปลือกไม้ขึ้นไปทัดหูโดยมีดวงตาสีอ่อนจับจ้องการกระทำนั้นไม่ละสายตา ลมหายใจร้อนผ่าวระรินใบหน้าซึ่งห่างกันเพียงคืบก่อนที่หล่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“พี่อาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ว่านะ..”
“Aftertaste*ของพี่น่ะ ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะคะ”
พูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงมาเบาๆอีกต่างหาก
“แล้วที่มันหวานแบบนี้…ก็เพราะพี่ยังรักฉันอยู่..ใช่มั้ย?”
ริสะกัดปากตัวเองอีกแล้ว
เด็กคนนี้จะรู้ทันเธอไปหมดทุกเรื่องหรือไงนะ? ไม่เข้าใจเลยว่าอะไรทำให้ยุยเดาอารมณ์เธอออกง่ายขนาดนั้น แต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าเธออารมณ์ไม่ดีหล่อนจะรู้ได้ในทันที ไม่ต้องปริปากบอกยุยก็สามารถทำให้เธอหายเครียดได้ง่ายๆ นี่เป็นหนึ่งในนิสัยที่ริสะชอบในตัวคนอายุน้อยกว่า และนับวันคุณกาแฟของยุยก็ยิ่งตกหลุมรักเจ้าถ้วยกาแฟถ้วยนี้ลงไปลึกเสียจนแถบปีนขึ้นมาไม่ได้
หากรักแล้ว ยากนักจะตัดใจให้ขาด
ตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้วซุกหมอนหนีประกายหยอกล้อภายในดวงตาคู่สวยนั่น ส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆอย่างคนจนตรอก หล่อนโดนต้อนให้จนมุมขนาดนี้ ไม่รู้จะเฉไฉไปทางไหนได้อีกแล้ว แขนวางพาดไว้ยังบั้นเอว คล้องเอาไว้ราวกับกลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าจะหายไปอีกเหมือนเดือนที่ผ่านมา
“เธอก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว”
“หรอ…”
“อืมม…” ครางตอบในลำคอ “แล้วเธอล่ะ?”
“?”
“จะกลับมามั้ย…กลับมาหาพี่”
โคบายาชิลอบยิ้ม
“พี่ว่าพระจันทร์วันนี้สวยมั้ย?” ขยับไปกระซิบติดริมฝีปากอีกคน “ว่าไงคะ?”
“…ไม่รู้สิ”
“แต่ฉันว่านะ”
“พระจันทร์วันนี้น่ะ สวยมากเลย”
*Aftertaste คือ รสชาติ และความรู้สึกจาก Coffee ที่หลงเหลืออยู่ หลังจากการ Cupping อาจจะให้ความรู้สึกดีหรือไม่ดี ค้างอยู่นานหรือครู่เดียว
อ้างอิง AU CoffeeVerse จากคุณ @jo_me4 บนทวิตเตอร์ค่ะ ข้อมูลต่างๆได้มาจากdocนี้ : https://docs.google.com/document/d/1g13KUVRAEZ5sRsYv-Ajy3m_LbZg_ceMA_l62FZAIAUY/edit