SP : April Fool’s Day
10:25 น.
1 เมษายน
ร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมดัดลอนสีช็อคโกแลตที่ยาวเกือบถึงกลางหลังกำลังหลับตาพริ้มซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ถึงแม้ว่านี่จะเป็นหน้าร้อนแต่อุณภูมิภายในห้องกลับเย็นเฉียบ ลมเย็นจากแอร์ที่ตกลงมากระทบผิวเนียนทำให้หล่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคอ ขยับตัวเข้าหาอีกร่างที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน อีกคนก็เหมือนจะรู้ว่าโดนคุกคามจากเจ้าของห้องซะแล้วถึงได้เอื้อมมือไปดึงร่างนั้นมากอดแนบตัวเอาไว้ คิดว่าหล่อนคงหนาว
คาโต้ร้องอือเบาๆยอมให้เขากอดแต่โดยดี หล่อนยังไม่อยากตื่น เพราะวันนี้เป็นวันหยุดด้วย จะตื่นสายเท่าไหร่ก็ได้ พวกเธอสองคนถึงได้นอนอุดอู้อยู่บนเตียงแบบนี้ทั้งๆที่ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นมาอยู่กลางหัวในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
“ชิโฮะ” เสียงเขาเรียกเบาๆที่ข้างหู หมอนข้างจำเป็นของคาโต้เริ่มขยับตัวแล้ว หล่อนเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่หัวเตียงมาเปิดดูเวลาด้วยท่าทางสลึมสลือ ดูเวลาเสร็จก็อยากจะฟุบลงไปนอนต่อแต่ติดอยู่ที่ว่ามันสายมากแล้ว คงต้องปลุกตัวนอนกินบ้านกินเมืองไปกินข้าวก่อน ซาซากิกลัวเหลือเกินว่าชิโฮะจะเป็นโรคกระเพาะ อีกฝ่ายชอบกินข้าวไม่ตรงเวลา บางวันกินไม่ครบสามมื้อด้วย น่าเป็นห่วง
“ตื่นได้แล้ว ชิโฮะ จะสิบเอ็ดโมงแล้วนะ”
“…..ขออีกห้านาที”
เจ้าตัวยืนกรานแบบนั้นคุมิเลยคิดว่าจะลุกไปอาบน้ำก่อน ปล่อยให้ยัยลูกแมวนอนซุกผ้าห่มไป แต่พอคนอายุมากกว่ากำลังจะก้าวลงจากเตียงก็โดนคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน สายตาอ้อนๆถูกส่งมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง หล่อนออกแรงดึงข้อมือของซาซากิเบาๆราวกับอยากจะบอกว่าให้ลงมานอนต่อด้วยกัน คุมิเห็นแบบนั้นก็กลับมานอนลงข้างๆคนตัวเล็กกว่าเหมือนเดิมเพราะแพ้ลูกอ้อนของยัยเหมียว
“ยังง่วงอยู่หรอ? นอนไปเยอะแล้วนะนั่น”
เขาว่าพลางดึงรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอด ซุกไซร้ไปตามลำคอระหงชวนให้หญิงสาวอีกคนออกอาการจั๊กจี้อยู่ไม่น้อย หล่อนเอามือดันหน้าเขาออกห่างๆจากคอตัวเองไวๆก่อนจะโดนกวนให้ไม่ได้นอนต่ออย่างสบายใจ แต่ดูเหมือนคนขี้แกล้งจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น มือซนสอดเข้าสาบเสื้ออีกฝ่าย ลูบผ่านเอวคอดทำให้ชิโฮะสะดุ้งตัววาบ รีบตะครุบมือซนๆนั่นเอาไว้ก่อนมันจะเลยเถิดไปไหนต่อไหน
“คุมิ จะนอน” คาโต้พูดเสียงสะบัดติดงอนๆ มุ่ยหน้าคิ้วขมวดแล้ว หล่อนพลิกตัวหันไปนอนตะแคงข้างอีกด้านแทน หันหลังให้คุณแฟนขี้แกล้ง
“ไม่งอนสิ” คุณเจ้าของร้านกาแฟจัดการย้ายตัวเองไปนอนดักหน้าอีกฝ่ายเหมือนเดิมเคลื่อนหน้าไปประทับรอยจูบลงบนมุมปากของคนรักเป็นการง้อ มือโอบเอวบางเข้ามาแนบตัว “ให้นอนก็ได้ แปปเดียวพอนะ”
ดวงตาหวานช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย เหมือนจะหายงอนไปแล้วพอเขาบอกให้นอนต่อได้ หล่อนขยับแขนไปโอบรอบคออีกฝ่ายแล้วดึงรั้งลงมาประทับริมฝีปากเบาๆเป็นการขอบคุณแล้วก้มหน้างุดซุกซอกคอเขา ลมหายใจรดลงบนต้นคอของคุมิทำให้ยากที่จะอดใจไหว ยิ่งชิโฮะใส่ชุดนอนบางๆยิ่งทำให้สติคุณเจ้าของร้านสติแทบจะเตลิด
มือเย็นไล้กลับเข้าไปในสาบเสื้อบางของหญิงสาวอายุน้อยกว่าให้เจ้าของร่างสะดุ้ง ดวงตาสีช็อคโกแลตลืมพรึบขึ้นมามองคนตรงหน้า ปากกำลังจะร้องประท้วงแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ริมฝีปากของหล่อนโดนปิดสนิทโดยริมฝีปากอีกคู่ที่ทาบทับลงมา สัมผัสเย็นวาบไปตามเรือนร่างของออฟฟิศเลดี้คนสวย มือของหล่อนบีบไหล่ของคนตัวสูงไว้แน่น ซาซากิขบกัดริมฝีปากล่างของคาโต้เบาๆ ให้เจ้าตัวครางลำคอเบาๆ
“อื้อ..”
สัมผัสจากมือของคนตัวสูงขยับทาบไปเรื่อยๆก่อนมาหยุดที่ก้อนเนื้อนุ่ม คุมิไล้ริมฝีปากไปกดจูบลงบนคอขาวของอีกฝ่าย พรมจูบลงไปเรื่อยก่อนจะขบกัดเป็นรอยแดงด้วยฟันคมของคนอายุมากกว่า เสียงเบาๆลอดออกมาจากคอของชิโฮะอีกครั้งพอดีกับที่มือเรียวของคุมินวดคลึงหน้าอกคู่สวยภายใต้สาบเสื้อบางที่ชิโฮะใส่เอาไว้
ซาซากิตัดสินใจละสัมผัสทั้งหมดออกแล้วพลิกขึ้นมาคร่อมร่างคนตัวเล็กเอาไว้ มือเชยคางน่ากัดนั่นให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาก่อนเคลื่อนหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย ปิดริมฝีปากที่แดงเรื่อขึ้นเล็กน้อยเพราะรสจูบนั่นอีกครั้ง สัมผัสนุ่มนวลถูกถ่ายทอดให้อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง สัมผัสเย็นจากมือของคุณเจ้าของร้านกาแฟไล่จากหน้าท้องแบนราบไปยังสะโพกผาย
“คุมิ..”
“เรียกพี่สิ..” ซาซากิช้อนตาร้องขอเหมือนลูกหมา นานๆทีจะแสดงด้านนี้ออกมาจนทำให้ชิโฮะลอบกลืนน้ำลายย่างยากลำบาก หล่อนหายใจติดขัดเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆที่ลูบผ่านขาอ่อนด้านในไป กางเกงขาสั้นที่ใส่นอนเหมือนจะไม่มีประโยชน์อีกแล้วเมื่อมันถูกร่นออก
“พ..พี่คุมิ” หล่อนพูดอายๆ เบนหน้าไปมองทางอื่น นี่มันเพิ่งจะสายๆเองนะ แทนที่เธอจะได้นอนต่อดันกลายเป็นทำกิจกรรมเผาผลาญแคลอรี่ไปซะแล้ว
ถึงในใจจะคาดโทษเขาเอาไว้ต่างๆนานาแต่สองมือก็ดึงรั้งอีกฝ่ายลงมาประกบริมฝีปากด้วยกันอีกครั้ง ซาซากิรวบนิ้วเรียวทั้งสองกดเข้าไปในร่างเจ้าของห้อง หล่อนจิกเล็บลงบนหลังของเขาแน่น เสียงครางแผ่วเบาถูกเปล่งออกมาจากลำคอหลังทั้งสองผละริมฝีปากออกจากกัน คุมิค่อยๆทำรอยสีกุหลาบไปเรื่อยๆตามมุมอับตรงคอขาวของอีกฝ่าย
หญิงสาวใต้การปกครองหลับตาแน่น กัดริมฝีปากล่างกลั้นเสียงน่าอายของตัวเองเต็มที่ นิ้วเรียวที่ค้างอยู่ภายในก็เริ่มขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ ท้องน้อยของหล่อนร้อนวูบ ร่างกายบิดเกร็งสั่นไหวกับสัมผัสที่ได้รับมาจนสุดท้ายก็มีเสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกมาจนได้
ฮ๊า….แฮ่ก…แฮ่ก….
ปลายเท้าของคาโต้จิกเกร็งลงกับเตียง เสียงเนื้อกระทบกันดังคลอไปกับเสียงหอบกระเส่าของหญิงสาวเจ้าของห้อง เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาตามไรผมของหล่อนเมื่อรู้สึกได้ถึงนิ้วที่สามที่ถูดสอดแทรกเข้ามาจนคับแน่น หล่อนแทบสะอึก คืนก่อนยังไม่ขนาดนี้ สงสัยคุณเจ้าของร้านกาแฟคงอยากคิดบัญชีเต็มแก่แล้วกระมัง..
ดวงตาสีช็อคโกแลตปรือขึ้นมองคนรัก แอบหมั่นเขี้ยวพอเห็นคอของเขาอยุ่ตรงหน้า หล่อนโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาใกล้ๆซึ่งเขาก็ยอมขยับเข้ามาหาแต่โดยดี เขี้ยวแหลมตรงมุมปากกดลงแนบต้นคอของคนด้านบนแต่หล่อนก็ต้องชะงักไปเมื่อสัมผัสร้อนตรงช่วงล่างกดลึกเข้ามาจนสุดจนเผลอปล่อยเขี้ยวที่กำลังกัดออก ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเมื่อเขาขยับนิ้วออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับมาซ้ำๆ
ก่อนที่ทั้งโลกจะกลายเป็นสีขาวโพลน
.
.
.
.
11:32 น.
หลังเสร็จกิจกรรมเรียกเหงื่อยามสายคุมิก็ปล่อยให้อีกฝ่ายนอนต่อตามสัญญา แต่ก็ไม่ได้นานมากนัก ให้นอนแค่พอหายเหนื่อย ระหว่างที่ปล่อยให้ชิโฮะนอนไปตัวเองก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปทำอาหารง่ายๆรอให้ลูกแมวแสนดื้อที่นอนอยู่บนห้องตื่นมานั่งกินด้วยกัน
“ชิโฮะ ตื่นได้แล้ว ไปอาบน้ำเร็ว วันนี้มีนัดกับอายะป้งตอนบ่ายไม่ใช่หรอ”
ซาซากิขึ้นมานั่งบนเตียง แตะแก้มนิ่มของคนรักเบาๆก่อนเขย่าไหล่เขาให้ตื่น ชิโฮะที่พอได้ยินคำว่า ‘นัด’ ก็เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบเกาะแขนคุมิที่ยื่นมาประคองพาตัวเองไปอาบน้ำโดยเร็วก่อนที่จะไม่ทันกินข้าว ไหนจะแต่งหน้าโบ๊ะแป้งอีก ถ้าไม่รีบตื่นต้องได้เบี้ยวนัดอายากะแน่ๆ
“คุมิ”
“หืม?”
“เกลียด”
“เอพริลฟูลเดย์ล่ะสิ” พูดยิ้มๆ
“ชิ ว่าจะหลอกซักหน่อย รู้ทันหรอกหรอ”
คุมิหัวเราะเบาๆ ยีหัวยัยลูกแมวอย่างหมั่นเขี้ยว จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็เธอเป็นคนตื่นมาดูเวลาก่อนปลุกชิโฮะนี่นา
“แล้ววันนี้อายะป้งมารับที่บ้านหรอ?”
ช่วงนี้ชิโฮะตัวติดกับ ‘ทาคาโมโตะ อายากะ’ เป็นพิเศษ ถ่ายรูปด้วยกัน เที่ยว กินข้าว อยู่ด้วยกันตลอด เพราะคุมิเป็นเจ้าของร้านกาแฟเลยอยู่ติดร้าน ตอนเย็นๆก็ต้องเปลี่ยนกะกับ’มิเรย์’น้องรัก เลยขึ้นไปหาชิโฮะไม่ได้ แต่ถ้าแว้บขึ้นไปตอนเช้าก็จะเห็นคุยเล่นกับอายากะอยู่สองคน
หมั่นไส้
เป็นความรู้สึกแรกที่นึกถึงทันทีที่หล่อนเห็นภาพนั้น พยายามไม่เก็บมาคิดมาก แต่นานวันเข้าก็เหมือนจะสนิทกันมากเกินไป มีอยู่หลายครั้งที่คุมิอยากจะเข้าไปจับแยก ถ้าไม่ติดว่ากลัวโดนชิโฮะเหวี่ยงใส่ก็คงเข้าไปแยกแล้ว เธอยังไม่อยากนอนนอกห้องซักเท่าไหร่
พูดถึงอายากะแล้วก็นึกถึง ‘ไซโต้ เคียวโกะ’ คนรู้จักของชิโฮะที่เปิดร้านราเม็งอยู่ข้างๆบริษัทนั่นแหละ เห็นว่ากำลังตามจีบอายากะอยู่ แต่เหมือนสาวเจ้าจะไม่เล่นด้วยเท่าไหร่ ชิโฮะแอบกระซิบบอกมาว่าอายากะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ช่วงนี้คุมิถึงไปหาเคียวโกะบ่อยๆ คุยเรื่องอายากะบ้างชิโฮะบ้าง หรือไม่ก็เรื่องไร้สาระทั่วๆไปจนตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคนนึงของคุมิแล้ว บางครั้งถ้าซาโตชิเพื่อนรักว่างก็จะชวนไปหาอะไรกินที่ร้านของเคียวโกะเหมือนกัน แต่ตอนที่ไปชวนก็ต้องคอยหลบสายตาทิ่มแทงของฟุยุกะที่มองมาตลอด
โคตรน่ากลัวเลย ชิโอริทนได้ไงเนี่ย..
วันนี้ทั้งชิโฮะและอายากะก็จะออกไปข้างนอกด้วยกันทั้งๆที่นานๆทีจะได้อยู่ด้วยกันทั้งวันแท้ๆ ซาซากิคิดแล้วก็แอบน้อยใจ
“อื้อ อีกไม่เกินห้านาทีก็คงถึงแล้วแหละ”
ฝ่ายคาโต้หลังพูดจบก็เห็นอาการนอยด์ๆของคุณแฟนเลยขยับไปหอมแก้มเขาเบาๆเหมือนจะขอโทษที่วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วย รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่
เขากลายเป็นคนคิดมากแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ..
“รีบกลับมานะ..”
กอดร่ำรากันอยู่บนโซฟาซักพักก็มีเสียงออดดังขึ้นพอดี ชิโฮะรีบหยิบกระเป๋า จุ้บปากคุมิไปอีกทีนึงแล้วยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูบ้าน อายากะรออยู่ข้างนอกอยู่แล้ว ที่จริงชิโฮะอยากให้อายากะไปช่วยเลือกของขวัญครบรอบที่คบกับคุมิครบสามปีแล้วต่างหาก
เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
หล่อนคิดขณะทักทายเพื่อนสนิทและพากันเดินไปเรียกรถจะได้นั่งไปห้างใหญ่ๆแถวย่านการค้า ที่นั่นน่าจะมีของให้เลือกเยอะกว่าห้างแถวบ้านของเธอ
หลังจากวันที่คบกันก็จะสามปีแล้วสินะ
ระหว่างนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เป็นเรื่องวุ่นๆภายในบริษัท เดี๋ยวแผนกนู้นก็มีคนย้าย เดี๋ยวแผนกนั้นก็มีคนยื่นเรื่องลาออก กว่าจะจัดการให้ลงตัวได้เหมือนเดิมก็เล่นหลายๆคนหัวหมุนไปตามๆกัน แต่ก็คงไม่เท่าคุณประธานบริษัทซักเท่าไหร่ เห็นหล่อนนั่งทำงานอยู่ในห้องทั้งวันแบบนั้น ที่จริงหัวหมุนยิ่งกว่าพนักงานทุกคนเสียอีก
แต่เรื่องที่หนักสุดๆที่ชิโฮะมีส่วนร่วมก็คงเป็นเรื่องของชิโอริล่ะมั้ง
รายนั้นกว่าจะสมหวังก็เกือบๆสี่ปี เพราะไม่ยอมบอกความรู้สึกตัวเองออกไปจนสุดท้ายไซโต้ซังถึงต้องย้ายกลับมาอยู่ด้วยเหมือนเดิม ชิโอริก็โดนคุมิเสี้ยมทุกวันว่าให้ลองบอกตอนหลับสิ แถมดูเหมือนเขาจะทำแบบนั้นจริงๆจนตอนนี้สองคนนั้นก็คบกันเป็นแฟนเรียบร้อยแล้ว
นับเป็นเรื่องดีๆเรื่องนึงก็คงจะได้
“ชิโฮะอยากได้ของแบบไหนให้ซาซากิซังหรอ?” เป็นเสียงของอายากะที่เข้ามาฉุดชิโฮะออกจากภวังค์ของตัวเอง หญิงสาวเจ้าของเรือนผมลอนขมวดคิ้วคิดหนัก คิดแล้วคิดอีกจนสุดท้ายก็ตอบออกไป
“เอาเป็น……”
16:04 น.
“กลับมาแล้ว”
เสียงล้าๆของคาโต้ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน หล่อนค่อยๆปิดประตูเสียงเบา ในมือหิ้วของพะรุงพะรังไปหมด ตอนแรกเธอคิดว่าจะซื้อแค่ของวันครบรอบ แต่ไปๆมาๆดันได้เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง และอื่นๆอีกมากมายก่ายกองกลับมาด้วย
“กลับมาแล้วหรอ? แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะ หืมม?” ถึงปากจะพูดดุแต่มือนี่เข้าไปรับของที่อีกฝ่ายส่งมาให้ช่วยถือแล้ว หน้าตาหล่อนดูเหนื่อยสุดๆเลยด้วย คงปวดไหล่น่าดู
“ก็นานๆทีจะได้ออกไปช็อปบ้างอะไรบ้าง..มันเลยเผลออะ”
คุมิได้แต่ส่ายหน้าคล้ายจะเอือม คนตัวสูงรับของทั้งหมดที่ชิโฮะถือมาไว้ในมือ ยกไปเก็บไว้บนห้องนอนให้ วางอย่างระมัดระวังเพราะของบางอย่างจากที่แอบดูแบรนด์แล้วก็ค่อนข้างแพง ถ้าแตกหักหรืออะไรขึ้นมาต้องได้นอนนอกห้องเป็นเดือนแน่ๆ
“ปวดไหล่มั้ย?” หลังเก็บของเสร็จแล้วซาซากิก็ลงมาข้างล่าง เห็นคนรักกำลังรินน้ำเย็นใส่แก้วอยู่บนโซฟาตัวโปรดเลยถามออกไปก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วออกแรงนวดไหล่ให้ ชิโฮะพูดขอบคุณเบาๆ เธอนั่งนิ่งให้คุมินวดไหล่อย่างเต็มใจ เพราะอาการเหนื่อยล้าสะสมจากเมื่อเช้า แถมได้พักแค่แปปเดียวก็ต้องออกไปซื้อของอีก ไม่แปลกที่จะเหนื่อยแบบนี้
“จริงสิชิโฮะ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะบอก”
“? อะไรหรอ?”
จู่ๆคุมิก็หยุดมือที่กำลังนวดไหล่ของอีกฝ่ายแล้วย้ายตัวเองลงมานั่งข้างๆเขา ดึงมือนิ่มของชิโฮะมากุมเอาไว้ ตอนนี้เองที่หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล คุมิจะบอกอะไร? ทำไมถึงต้องทำหน้าแบบนั้น?
“คือว่านะ..”
“เราเลิกกันเถอะชิโฮะ”
ราวกับมีฟ้าผ่าลงที่กลางใจ มือของหล่อนเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้…
แต่เดี๋ยว วันนี้มันเอพริลฟูลเดย์นี่นา?
“คุมิ..พูดโกหกแบบนี้ไม่ตลกนะ”
“…ไม่เคยได้ยินหรอว่าถ้าโกหกในวันเอพริลฟูลหลังเที่ยงแล้วมันจะเป็นจริงน่ะ?”
“…”
หล่อนพูดไม่ออก มันจุกไปหมดจนเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง ดวงตาคู่สวยยังมองไปที่คนตรงหน้า อยากให้เขาบอกว่าล้อเล่น ไม่ได้คิดที่จะเลิกจริงจัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิดให้เขาบอกเลิกแบบนี้ มือที่ถูกมือของเขากุมเอาไว้บีบแน่น
“ทำไม..” คาโต้พูดเสียงสั่น หล่อนก้มหน้าลง หยดน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาสีช็อคโกแลตนั่นหยดลงบนหลังมือของคุมิ ชิโฮะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกกุมปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ แต่เช็ดเท่าไหร่ก็เช็ดไม่หมดเสียที หล่อได้แต่คาดโทษตัวเองอยู่ในใจที่มาร้องไห้ต่อหน้าเขาแบบนี้
“อย่าร้องไห้สิคนดี เงยหน้าขึ้นมาก่อน”
“ชิโฮะ..”
เสียงนุ่มของคุมิเรียกพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่โอบรัดตัวของหญิงสาวเจ้าของบ้าน เธอซบหน้าลงกับบ่าของเขา ให้เสื้อของเขาซับน้ำตา นี่อาจจะเป็นกอดครั้งสุดท้ายระหว่างตัวเธอกับเขาแล้วก็ได้..
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก” คุมิพูดที่ข้างหูพลางลูบหลังอีกฝ่ายไปด้วย ริมฝีปากไล่จูบซับน้ำตาบนใบหน้าสวยนั่น แววตาของเขายังคงมีความรักใคร่ผู้หญิงตรงหน้าอยู่เต็มเปี่ยม ใครดูก็รู้ แต่คงไม่มีใครคาดเดาความคิดของคุมิได้ว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ฟังให้จบนะชิโฮะ” หล่อนผงกหัวเบาๆ นิ่งฟังว่าคุมิจะพูดอะไร
“เราเลิกกันเถอะ..เลิกเป็นแฟนกัน”
“แล้วเรามาคบกันใหม่ในฐานะสามีภรรยาดีกว่า”
“…เอ๊ะ?” นี่เธอฟังไม่ผิดใช่มั้ย…ไม่ผิดแน่ๆใช่มั้ย
อยู่ๆน้ำตาที่เริ่มหยุดไปแล้วก็กลับมาไหลอีกครั้ง หากแต่คราวนี้มันเป้นน้ำตาแห่งความปิติ ชิโฮะกอดคุณเจ้าของร้านกาแฟแน่นๆ เธอนึกว่าจะต้องจบความสัมพันธ์แสนมีค่าของตัวเองในวันก่อนวันครบรอบเพียงแค่ไม่วันเสียแล้ว
“คำตอบล่ะ?”
“…อื้ม”
เป็นคำตอบสั้นๆง่ายๆ เหมือนกับวันที่หล่อนตกลงคบกับเขา คุมิดันร่างหญิงสาวออกเล็กน้อย แกะมือที่กอดตัวเองออก ตอนแรกเหมือนชิโฮะจะงอแงไม่ยอมปล่อย แต่พอเห็นสิ่งที่คุมิหยิบออกมาสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอก็ยอมแต่โดยดี นั่งเป็นลูกแมวหงอยเงียบๆอยู่บนตักเขา สัมผัสเย็นของเนื้อแหวนบนนิ้วนางทำให้หัวใจของหล่อนพองโตอย่างบอกไม่ถูก
“หงอยเป็นลูกแมวอีกแล้ว..ขอโทษนะที่ทำให้ร้องไห้”
“คุมิอยากเซอร์ไพรส์ใช่มั้ยล่ะ..เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก..แล้วก็นะ..”
“?”
คนอายุมากกว่าทำหน้าฉงน แต่สัมผัสเย็นที่รอบคอก็เหมือนเป็นคำตอบ สร้อยเงินที่ห้อยจี้อเมทิสต์เอาไว้ถูกสวมใส่โดยคนที่ซื้อมันมา หล่อนดูพอใจกับมันมาก คิดไว้ไม่ผิดว่ามันคงเข้ากับคุมิ
“สร้อยคู่น่ะ ที่จริงกะจะให้วันครบรอบ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว..ให้เลยแล้วกัน”
“ซื้อมาวันนี้หรอ?”
“อื้อ..”
ออฟฟิศเลดี้คนสวยก้มหน้างุดกับบ่าของเขาเขินๆ ยกแขนขึ้นโอบกอดร่างสูงเหมือนเมื่อครู่ หล่อนชอบกอดเขา มันอบอุ่น เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก คงจะเหมือนที่เขาชอบจูบเธอบ่อยๆเหมือนกัน
“คุมิ”
“ว่าไง?”
“รักนะ”
“รักเหมือนกัน”